โรงไฟฟ้าใหม่ หนุน “ราช กรุ๊ป” กำไรครึ่งปีแรก 3,573 ล้านบาท
ราช กรุ๊ป เผยผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปี 2566 กำไร 3,573 ล้านบาท โรงไฟฟ้าใหม่ 450 เมกะวัตต์ หนุนเสริม EBITDA เติบโตแข็งแกร่ง
บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปี 2566 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรับรู้กำไรสุทธิ จำนวน 3,573 ล้านบาท และหากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรในรอบนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2565
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าที่เข้าซื้อกิจการเมื่อปลายปีที่ผ่านมาจำนวน 6 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้น รวม 450.5 เมกะวัตต์ เสริมส่งให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโตขึ้นร้อยละ 11.8 เป็นจำนวน 7,798 ล้านบาท
นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในรอบ 6 เดือนแรกปีนี้ รายได้จากสินทรัพย์โรงไฟฟ้าที่ลงทุนใหม่ได้เข้าช่วยเสริมหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าราช เอ็นเนอร์จี ระยอง ซึ่งรับรู้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 49.98 เมกะวัตต์ ทำให้กำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมเป็น 98 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าในออสเตรเลีย 3 แห่ง ได้แก่ พลังงานลมลินคอล์น แก็ป 1&2 กำลังผลิตติดตั้งรวม 212 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้า สแนปเปอร์ พอยท์ กำลังการผลิตติดตั้ง 154 เมกะวัตต์
และโรงไฟฟ้าในเวียดนาม 2 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าพลังน้ำค๊อคซาน กำลังการผลิตติดตั้ง 17.37 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังน้ำซ็องเกียง 2 กำลังผลิตติดตั้ง 17.10 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ยังมีกำไรดีขึ้นอันเป็นผลจากการปรับค่าไฟฟ้าผันแปร จึงช่วยทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ในครึ่งปีแรกนี้เติบโตอย่างมั่นคง
“เป้าหมายการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ มุ่งเน้นที่การเข้าซื้อโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิต เชิงพาณิชย์แล้วและมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่แน่นอนเพื่อสร้างความมั่นคงของรายได้ทดแทนรายได้ของโรงไฟฟ้าที่จะครบอายุสัญญา ซึ่งโรงไฟฟ้าที่บริษัทฯ เข้าซื้อกิจการเมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้เริ่มให้ผลตอบแทนแล้วในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา ซึ่งทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 จนถึงปี 2576 มีกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 2,659.31 เมกะวัตต์ อีกทั้งยังจะขยายการลงทุนในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตและความมั่นคงของบริษัทฯ ในระยะยาว” นางสาวชูศรี กล่าว
สำหรับ ผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 30,137 ล้านบาท มาจากกลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้า จำนวน 29,035 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 96 ของรายได้รวม ประกอบด้วย รายได้ของโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล จำนวน 25,223 ล้านบาท (ร้อยละ 87) และรายได้ของโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน จำนวน 3,812 ล้านบาท (ร้อยละ 13) ขณะที่กลุ่มธุรกิจ Non-Power มีรายได้เติบโตเป็นจำนวน 1,102 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4 ของรายได้รวม
ฐานะการเงินปัจจุบัน (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566) บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 228,905 ล้านบาท หนี้สินรวม จำนวน 118,832 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 110,073 ล้านบาท สำหรับความมั่นคงและแข็งแกร่งของสถานะการเงินของบริษัทฯ สะท้อนจากอัตราส่วนสภาพคล่อง อยู่ที่ระดับ 1.21 เท่า และหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ระดับ 1.08 เท่า และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ร้อยละ 5.81 ตลอดจนอันดับเครดิตขององค์กรอยู่ในระดับความน่าเชื่อถือแข็งแกร่งจากสถาบันในประเทศ และต่างประเทศ โดย TRIS Ratings ที่ระดับ AA+, Moody’s Ratings ที่ระดับ Baa1 และ S&P Global Ratings ที่ระดับ BBB-