สมอ.แจงแผนบังคับใช้ มาตรฐานยูโร 5 และยูโร 6 แก้ปัญหา PM 2.5
สมอ. ชี้แจงแผนการบังคับใช้ มาตรฐานยูโร 5 และยูโร 6 ผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย หวังแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และคุ้มครองความปลอดภัยประชาชน
นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 โดยให้ทบทวนมติเดิมในเรื่องวันบังคับใช้ยูโร 5 จากเดิมภายใน ปี 2564 เป็น ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 แทน และให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการกำหนดแผนเพื่อ บังคับใช้มาตรฐานยูโร 6 โดยจะเริ่มในวันทึ่ 1 มกราคม 2569 สำหรับรถยนต์ใหม่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศในระยะยาว
กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้มอบหมายให้ สมอ. จัดทำแผนการบังคับใช้มาตรฐานเพื่อให้ผู้ผลิตรถยนต์เตรียมความพร้อมและวางแผนการผลิตรถยนต์ ตามกรอบเวลาที่กำหนดได้ ซึ่งจะสอดคล้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกที่ได้มีการพัฒนาเครื่องยนต์ให้ปล่อยมลพิษออกมาน้อยที่สุดโดยปัจจุบันสหภาพยุโรปได้ประกาศบังคับใช้มาตรฐานยูโร 6 แล้ว
ทั้งนี้ สมอ. ได้จัดประชุมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา เพื่อประชุมชี้แจงแผนการบังคับใช้มาตรฐานยูโร 5 และยูโร 6 แก่ผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย นำโดยนายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย นายสุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล และบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของไทย จำนวน 25 ราย เช่น บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด บริษัท เมอร์เซเดสเบนซ์ ประเทศไทย บริษัท วอลโล่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ตรีเพชร อีซูซุ เซลส์ จำกัด บริษัท ฮีโน่ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จำกัด และบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นต้น เพื่อชี้แจงแผนการบังคับใช้มาตรฐานควบคุมสารมลพิษจากรถยนต์ สำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก รถกระบะ รถบัส และรถบรรทุก ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล โดยจะมีผลบังคับใช้ ดังนี้
เลขาธิการ สมอ. กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในการผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยพัฒนาไปสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียน โดยเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย ควบคู่กับการรักษาความสมดุลทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามมาตรฐานยูโร 5 แล้ว จำนวน 8 ราย ก็ขอให้ผู้ประกอบการมั่นใจว่า สมอ. สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ทันกำหนดวันที่มาตรฐานมีผลบังคับใช้อย่างแน่นอน