อุตฯ จ.สระบุรี ผุดโครงการเหมืองแร่สร้างสุขฯ ยกระดับอาชีพชุมชน
อุตสาหกรรม จ.สระบุรี ผุดโครงการเหมืองแร่สร้างสุขฯ ยกระดับอาชีพชุมชน 42 กิจการต่อยอดพัฒนา 31 ผลิตภัณฑ์ คาดกระตุ้นการสร้างมูลค่าเศรษฐกิจให้กับประเทศไม่น้อยกว่า 46.2 ล้านบาท มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 32.43% ในปีแรก
นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กล่าวว่า สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี ได้จัดทำโครงการเหมืองแร่สร้างสุข ส่งเสริมอาชีพชุมชน ประจำปีงบประมาณ 2565 ได้รับการจัดสรรงบประมาณจาก “การเก็บเงินบำรุงพิเศษ” โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เพื่อยกระดับอาชีพชุมชนให้แก่ประชาชน วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ SMEs รอบกิจการเหมืองแร่ใน จ.สระบุรี รวม 4 อำเภอ ได้แก่ อ.แก่งคอย อ.พระพุทธบาท อ.เฉลิมพระเกียรติ และอ.มวกเหล็ก มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการยกระดับอาชีพโดยใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และการบริหารจัดการผนวกกับการต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโตอย่างเข้มแข็ง และอยู่ร่วมกับผู้ประกอบการเหมืองแร่อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้โครงการเหมืองแร่สร้างสุข ส่งเสริมอาชีพชุมชน มุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพด้านกระบวนการผลิตและการแปรรูปผลผลิตภาคการเกษตร ยกระดับราคาสินค้าภาคการเกษตร เพิ่มทักษะด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดใหม่ ๆ ซึ่งจะช่วยเติมเต็มความต้องการด้านเศรษฐกิจของจังหวัดทำให้ประชาชนและชุมชนในพื้นที่เกิดอาชีพมีการสร้างรายได้ที่มั่นคง สร้างชุมชนที่มีความสุข และยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของกิจการเหมืองแร่ในการอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างสมดุล นอกเหนือจากกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม อันเป็นไปตามภารกิจของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
ด้านนายนพดล ชีวะอิสระกุล อุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า โครงการฯ เริ่มดำเนินกิจกรรมมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 จัดให้มีกิจกรรมการพัฒนาผู้ประกอบการรวม 42 ราย แบ่งเป็น ผู้ประกอบการเพิ่งเริ่มต้น (Startup/New Entrepreneurs) เป็นการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ โดยการยกระดับการผลิตสินค้าตามกฎหมายของไทย เช่น การขออนุญาตสถานที่ผลิต การขอเลขผลิตภัณฑ์ จำนวน 11 ราย แบ่งเป็นอาหารและเครื่องดื่ม 9 ราย มิใช่อาหาร 2 ราย และผู้ประกอบการเดิมที่ต้องการต่อยอด (Regular) โดยผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันอาหารได้เข้ามาช่วยปรับปรุง/พัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ให้พร้อมเข้าสู่ธุรกิจออนไลน์ และช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 31 ราย แบ่งเป็นอาหารและเครื่องดื่ม 28 ราย มิใช่อาหาร 3 ราย
นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมอบรมเพิ่มทักษะการจัดทำสื่อสังคมออนไลน์ส่งเสริมการขาย เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดวิถีใหม่ในทุกแพลตฟอร์ม เช่น การจดทะเบียน Facebook Fan page , Line Official Account และ Instagram เป็นต้น รวมถึงการออกแบบหน้าหลักของกิจการให้มีความสวยงามดึงดูดความสนใจ ถ่ายทอดพื้นฐานการใช้งานและการบริหารจัดการเนื้อหา เทคนิคการถ่ายภาพสินค้า และการ live ขายสินค้าเพื่อให้สามารถบริหารจัดการเครื่องมือสำหรับการค้าออนไลน์ได้ด้วยตนเอง โดยจัดอบรม 2 วัน จำนวน 4 ครั้ง มีผู้เข้าอบรมรวม 206 คน ซึ่งพบว่าผู้เข้าอบรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 88.43 มีทักษะเพิ่มขึ้นสามารถนำไปใช้สร้างยอดขายสินค้าจากช่องทางตลาดออนไลน์ได้
ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ได้ผ่านการต่อยอด ปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากทีมที่ปรึกษาสถาบันอาหาร มีความพร้อมเข้าสู่ธุรกิจออนไลน์และช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ จำนวน 31 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม 28 ผลิตภัณฑ์ อาทิ เครื่องดื่มข้าวกล้องเจ๊กเชยผสมผงกล้วยและผักรวม วิสาหกิจชุมชนภูริธาราพรรณ ซอสผัดไทยผสมมัลเบอร์รี่ โดย สวนสมุนไพรมงคลพัฒน์ เครื่องดื่มมะขามป้อมสำเร็จรูปชนิดผง โดย วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรพุแค เครื่องดื่มมะม่วงหาวมะนาวโห่สำเร็จรูปชนิดผง โดย วิสาหกิจชุมชนตลาดหัวปลี จังหวัดสระบุรี เป็นต้น โดยประเมินว่าสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไม่น้อยกว่า 46.2 ล้านบาท เกิดการลงทุนผลิต สร้างงาน เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ คาดว่ามีอัตราเติบโตรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 32.43%
และก่อนเสร็จสิ้นโครงการฯ ได้เตรียมจัดงานแสดงสินค้าเพื่อทดสอบตลาดและสร้างโอกาสทางการตลาด เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ นำผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการต่อยอดมาแสดงและจำหน่าย จำนวนประมาณ 40 ราย โดยกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 7 พ.ค. 2566 ณ ลานกิจกรรม ชั้น B ซีคอน บางแค กรุงเทพมหานคร