กรอ.ยกเลิกใช้สารเป่าโฟมทำลายโอโซน 1 ม.ค.67

กรอ.เตรียมประกาศห้ามใช้สารไดคลอโรฟลูออโรมีเทน (HCFC-141b) ในภาคอุตสาหกรรมผลิตโฟมแบบฉีดพ่น (Spray Foam) มีผลใช้บังคับวันที่ 1 มกราคม 2567 หวังลดโลกร้อน มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายใต้ COP 26

นายวันชัย พนมชัย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรอ. เตรียมประกาศห้ามใช้สารไดคลอโรฟลูออโรมีเทน (HCFC-141b) ในภาคอุตสาหกรรมผลิตโฟมแบบฉีดพ่น (Spray Foam) มีผลใช้บังคับวันที่ 1 มกราคม 2567 พร้อมเร่งผลักดันทุกภาคส่วนให้ใช้สารที่ไม่ทำลาย ชั้นบรรยากาศโอโซน โดยร่วมมือกับธนาคารโลก ธนาคารออมสิน และกลุ่มอุตสาหกรรมย่อยโพลียูรีเทน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมให้การสนับสนุนด้านเงินทุนและด้านเทคนิคแก่ผู้ประกอบการที่จะเลิกใช้โฟมแบบฉีดพ่น

ทั้งนี้ กรอ. ได้ดำเนินโครงการลดและเลิกใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนของประเทศไทย มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 จนถึงปัจจุบัน โดยห้ามใช้สาร HCFC-141b ในกระบวนการผลิตโฟมทุกชนิด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ยกเว้นโฟมแบบฉีดพ่น ทำให้แม้จะสามารถลดการใช้สาร HCFC-141b จำนวน 132 โอดีพีตัน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 870,000 ตัน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และยังเดินหน้าเพื่อให้การใช้สาร HCFC-141b ในภาคอุตสาหกรรมโฟมแบบฉีดพ่นเป็นศูนย์ จึงได้เตรียมออกประกาศห้ามใช้สาร HCFC-141b ในภาคอุตสาหกรรมผลิตโฟมแบบฉีดพ่น (Spray Foam) ซึ่งจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 1 มกราคม 2567 และผลักดันให้ผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมโฟมแบบฉีดพ่น เปลี่ยนมาใช้สารไฮโดรฟลูออโรโอเลฟิน หรือสาร HFOs แทน ซึ่งเป็นสารที่ไม่ทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนมีค่าศักยภาพที่ทำให้โลกร้อนต่ำ และเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายวันชัย กล่าวต่อว่า กรอ. ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพหุภาคีภายใต้พิธีสารมอนทรีออล พร้อมให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการโฟมแบบฉีดพ่นทั้งรายใหญ่และรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2563 – 2566) เป็นจำนวนเงินกว่า 62 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบ สำหรับปรับเปลี่ยนเครื่องมืออุปกรณ์ในกระบวนการผลิตจากเดิมที่ใช้สาร HCFC-141b ไปใช้สาร HFOs ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการโฟมแบบฉีดพ่นที่ได้รับการอนุมัติจำนวน 2 ราย และผู้ประกอบการที่อยู่ระหว่างดำเนินการยื่นขอรับการช่วยเหลืออีก 4 ราย สำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายย่อยจะได้รับการสนับสนุนด้านเทคนิควิชาการ และความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารทดแทน

การดำเนินการดังกล่าวของ กรอ. จะสอดคล้องเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้แสดงเจตนารมณ์ของ ประเทศไทย ที่จะลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศร้อยละ 40 ในปี พ.ศ. 2573 และก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2593 เพื่อมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ในปี พ.ศ. 2608 ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 26 (COP 26) ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password