กพร. โชว์ผลงาน 9 เดือน เดินหน้าขับเคลื่อน ‘แร่ไทย’ในปี ’69

กพร. เผยผลงาน 9 เดือน ปี 2568 พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อน “แร่ไทย” ในปี 2569 เพื่อเสริมความมั่นคงด้านวัตถุดิบและยกระดับห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมอนาคต เร่งเครื่องด้วยกลยุทธ์ “QUICK BIG WIN” ควบคู่การขับเคลื่อนตาม พ.ร.บ. แร่ พ.ศ. 2560 และแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ฉบับที่ 2 คาดการณ์ GDP ภาคแร่ขยายตัวใน 3 ปีข้างหน้า สะท้อนโอกาสการลงทุนในโครงการแร่ยุทธศาสตร์ของประเทศ

นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของ กพร. แสดงให้เห็นทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมพื้นฐานของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้นความสมดุลของ “เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม” ไปพร้อมกัน ทั้งนี้ ในช่วง 3 ไตรมาสแรก กพร. มีการอนุญาตและส่งเสริมการประกอบกิจการเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ครอบคลุมโครงการสำคัญในพื้นที่แร่ยุทธศาสตร์ และการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานให้เข้มแข็ง พร้อมเดินหน้าปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานภาคอุตสาหกรรมด้วยระบบดิจิทัล ผลักดันแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ เพื่อลดระยะเวลาในการขออนุญาต เพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแล และยกระดับความรวดเร็ว โปร่งใสในการดำเนินงาน พร้อมส่งเสริมการใช้แร่เชิงกลยุทธ์ (Strategic Minerals)เพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่และการลงทุนในมิติความยั่งยืน ขับเคลื่อน “เหมืองแร่เพื่อชุมชน” และ “เหมืองแร่สีเขียว” ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีความรับผิดชอบต่อชุมชนรอบเหมือง พร้อมจัดสรรเงินผลประโยชน์พิเศษแก่รัฐ 457 ล้านบาท กระจายสู่ 130 ชุมชน 43 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งปีนี้ได้ดำเนินการจัดสรรไปแล้วเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568

นอกจากนี้ กพร. ยังผลักดันแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยทำงานร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สนับสนุนการรีไซเคิลซากแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 5,815 ตันต่อปี และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 145 ล้านบาท

“แนวทางตามนโยบาย QUICK BIG WIN ที่มุ่งเร่งผลลัพธ์ภายใน 1 ปี โดย ‘QUICK’ ปรับลดขั้นตอนและเร่งรัดการอนุญาตด้วย Digital License Platform ให้การขออาชญาบัตรสำรวจแร่และประทานบัตรทำได้รวดเร็ว โปร่งใส และติดตามสถานะออนไลน์ ‘BIG’ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาว ส่งเสริม Circular Economy และ Green Transformation พร้อมเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและระบบนิเวศอุตสาหกรรมครบวงจร และ ‘WIN’ เชื่อมโยงแร่เข้าสู่กระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ยานยนต์ EV พลังงานสะอาด เซมิคอนดักเตอร์ และกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างงาน การลงทุน และการเติบโตร่วมกัน

ทั้งนี้ ในการขับเคลื่อนระยะยาว กพร. ดำเนินการตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 แผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ฉบับที่ 2 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นกรอบสำคัญครอบคลุม 4 มิติ ได้แก่ 1) ความมั่นคงของแร่ในฐานะวัตถุดิบ 2) ความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และชุมชน 3) ความมั่นคงด้านธรรมาภิบาล และ 4) ความมั่นคงด้านการให้บริการ

รวมถึงการยกระดับสู่ e-Service และการพัฒนาศักยภาพบุคลากร ยืนยันว่า กพร. จะเดินหน้าขับเคลื่อนการบริหารจัดการแร่ของประเทศให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างต่อเนื่อง ภายใต้หลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมมีวัตถุดิบที่มั่นคง ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างประโยชน์ร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืน” นายอดิทัตฯ กล่าว.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password