ก.อุตฯ ปักหมุดเหมืองเขาเชิงเทียน ชลบุรี “ต้นแบบเหมืองสีเขียว”

กระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้า วางรากฐาน “เหมืองแร่สีเขียว” และการร่วมแผนผังโครงการเหมืองแร่ที่หมู่เหมืองเขาเชิงเทียน จังหวัดชลบุรี
ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ต้นแบบของการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน สนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมเป้าหมาย และสร้างความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง

จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานประกอบการเหมืองแร่ในพื้นที่กลุ่มเขาเชิงเทียน จังหวัดชลบุรี ถือเป็นภารกิจสำคัญภายใต้นโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของประเทศให้เดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเหมืองแร่กลุ่มเขาเชิงเทียนเป็นแหล่งผลิตหินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้างที่สำคัญ โดยเฉพาะหินปูนและหินแกรนิตทรัพยากรสำคัญสำหรับพื้นที่ภาคตะวันออกที่มีศักยภาพในการสนับสนุนอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของประเทศ โดยเฉพาะในบริบทของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC และที่สำคัญคือ ผู้ประกอบการได้ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองทำให้ใช้ทรัพยากรแร่อย่างคุ้มค่า สร้างความปลอดภัย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ได้กำชับให้ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ดำเนินการอย่างเข้มข้น ใน 3 ประเด็น ประเด็นแรก ให้ความสำคัญกับมาตรการทางด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย โดยเหมืองแร่ที่ผลิตหินปูนและหินแกรนิตต้องมีการจัดการฝุ่นละอองและเสียงที่เกิดจากการระเบิดและการโม่หินอย่างเข้มงวด เพื่อให้เกิดการอยู่ร่วมกันระหว่างอุตสาหกรรมกับชุมชน รวมทั้งฟื้นฟูพื้นที่หลังการทำเหมืองแร่ให้สามารถใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ได้

ประเด็นที่ 2 ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบการเหมืองแร่และสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด โดยผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ต้องมีมาตรการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความเสี่ยง โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยของหน้าเหมืองที่มีความสูงชัน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและการเกิดเหมืองถล่ม

และประเด็นที่ 3 การดูแลชุมชนในพื้นที่รอบเหมืองแร่ ควรมีการตรวจสอบและเฝ้าระวังด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและชุมชนโดยรอบ ซึ่งถือเป็นประเด็นที่กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำแนวทางการทำงานตามนโยบาย “ปิดเร็ว-เปิดเร็ว-พึ่งพาได้” ซึ่งเป็นทิศทางการทำงานของกระทรวงอุตสาหกรรมในยุคปัจจุบันที่จะต้องเดินหน้าไปสู่การเป็นอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

“เราจะดำเนินการ ‘ปิดทันที’ หากพบเหมืองหรือสถานประกอบการใดทำผิดกฎหมาย สร้างผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม และต้องดำเนินการ ‘เปิดให้เร็ว’ หากเหมืองหรือสถานประกอบการนั้น ๆ สามารถแก้ไขปรับปรุงให้ถูกต้องตามข้อกำหนดได้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ และ ‘พึ่งพาได้’ เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมไทยมีรากฐานที่แข็งแกร่ง และสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก” จ่าเอก ยศสิงห์ฯ กล่าว

นายพงศ์ธสิษฐ์ ปิจนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า อุตสาหกรรมเหมืองแร่ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ศูนย์กลางการพัฒนาอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ โดยจังหวัดชลบุรีมีศักยภาพด้านแหล่งแร่ที่หลากหลาย โดยเฉพาะหินปูนและหินก่อสร้าง ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญต่อการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่ EEC อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในจังหวัดชลบุรีจึงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค

“อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในจังหวัดชลบุรีมีความสำคัญต่อการจ้างงานของประชาชนในพื้นที่ ดังนั้น การที่ กพร. จัดสรรเงินผลประโยชน์พิเศษจากการทำเหมืองแร่ให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลทั่วประเทศ จึงถือเป็นประโยชน์สำหรับชุมชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในปี 2568 มีองค์การบริหารส่วนตำบลในจังหวัดชลบุรีที่ได้รับการจัดสรรเงินผลประโยชน์พิเศษ รวม 3 แห่ง ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลคลองกิ่ว เทศบาลตำบลห้วยกะปิ และองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อทองซึ่งเงินจำนวนนี้จะถูกนำไปใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนในพื้นที่ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น การพัฒนาถนน สาธารณูปโภค การศึกษา สาธารณสุข และการส่งเสริมอาชีพ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่นให้เกิดผลสำเร็จมากที่สุด” รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าว

นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กล่าวเสริมว่า กพร. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการบริหารจัดการเหมืองแร่ให้มีประสิทธิภาพและทันสมัย เพื่อวางรากฐานสู่อุตสาหกรรมเหมืองแร่แห่งอนาคต โดยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเหมืองแร่เข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ พัฒนาทักษะแรงงาน และยกระดับมาตรฐานการผลิต เพื่อรองรับความต้องการแร่ธาตุจากอุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมทั้งมีระบบการตรวจสอบและติดตามการดำเนินงานของผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิด ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในกระบวนการทำเหมืองเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน ในส่วนของการจัดสรรเงินผลประโยชน์พิเศษแก่รัฐ กพร. ได้กำหนดกลไกการจัดสรรที่ชัดเจนและโปร่งใส โดยเงินจะถูกจัดสรรไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ที่มีเหมืองแร่ตั้งอยู่ ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม สร้างความเข้าใจที่ดีระหว่างชุมชนกับผู้ประกอบการเหมืองแร่ ให้ทุกฝ่ายสามารถเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน และอยู่ร่วมกันได้อย่างเหมาะสม

“สำหรับโครงการทำเหมืองแร่ในพื้นที่เขาเชิงเทียน เป็นกลุ่มชมรมผู้ประกอบการแร่รวม 7 แปลง มีเนื้อที่รวมประมาณ 800 ไร่ เป็นขุมเหมืองที่มีพื้นที่มากที่สุดในเมืองชลบุรี โดยรวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือกันทั้งในด้านการประกอบธุรกิจ การพัฒนา และยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนรอบเหมือง มีการประกอบกิจการเหมืองแร่ที่เกิดผลกระทบต่ำ รวมถึงมีการสื่อสารกับชุมชนอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เกิดการยอมรับและสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้ ถือเป็นแนวปฏิบัติให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่น ๆ สอดคล้องกับการดำเนินโครงการ ‘เหมืองแร่สีเขียว’ (Green Mining) ที่มุ่งเน้นการปรับปรุงมาตรฐานการดำเนินงานของเหมืองให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การใช้เทคโนโลยีสะอาด การจัดการน้ำเสีย การลดปริมาณฝุ่น ไปจนถึงการฟื้นฟูระบบนิเวศหลังการทำเหมือง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้ภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาท้องถิ่น และเป็นการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง” นายอดิทัตฯ กล่าว

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password