บอร์ด สมอ. ไฟเขียว ให้ “วงล้อรถยนต์” เป็นสินค้าควบคุมเร่งบังคับใช้ปี 69

นายวิฤทธิ์ วิเศษสินธุ์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เปิดเผยว่า มติการประชุม บอร์ด สมอ. หรือ คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้วงล้อรถยนต์ ทั้งที่ทำจากเหล็กกล้า โลหะผสมอะลูมิเนียม และโลหะผสมแมกนีเซียม เป็นสินค้าควบคุม เนื่องจากวงล้อรถยนต์เป็นชิ้นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญต่อสมรรถนะการขับขี่ ความปลอดภัย รวมถึงความสวยงามของตัวรถ ซึ่งผู้ใช้รถมักมีการเปลี่ยนวงล้อรถยนต์จากเดิมที่ติดตั้งมาจากโรงงาน เป็นวงล้อที่ตนเองชื่นชอบ ซึ่งมีคุณภาพแตกต่างกันออกไป และอาจส่งผลต่อสมรรถนะในการขับขี่และความปลอดภัยในการใช้งาน

นอกจากนั้น บอร์ดได้มีมติเห็นชอบสินค้าควบคุมเพิ่มอีก 5 มาตรฐาน ได้แก่ 1) วงล้อรถยนต์ 2) เสื้อผ้าและของใช้ที่ทำจากผ้า สำหรับเด็กอ่อน 3) เครื่องดับเพลิงยกหิ้วชนิดผงเคมีแห้ง 4) เครื่องดับเพลิงยกหิ้วชนิดโฟม และ 5) เครื่องดับเพลิงยกหิ้วชนิดคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมทั้งเห็นชอบร่างมาตรฐานผลิตภัณฑ์และมาตรฐานวิธีทดสอบอื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 112 มาตรฐาน เช่น มาตรฐานยางรองแผ่นคอนกรีตปูทางผ่านเสมอระดับทางรถไฟ สีน้ำ รองพื้นสำหรับพื้นผิวอเนกประสงค์ ท่อยางพร้อมอุปกรณ์ประกอบสำหรับการเติมและการถ่ายเชื้อเพลิงภาคพื้นดินของอากาศยาน ชุดผ้าเบรก ผ้าดรัมเบรก จานดิสก์เบรกทดแทนสำหรับยานยนต์และส่วนพ่วง เป็นต้น

นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรฐานวงล้อรถยนต์ เดิมเป็นมาตรฐานภาคสมัครใจ แต่เนื่องจากคุณภาพของวงล้อรถยนต์จะส่งผลต่อการควบคุมรถ การทรงตัวของรถ และระบบเบรก จึงต้องเร่งดำเนินการให้เป็นสินค้าควบคุมโดยเร็ว เพราะหากเป็นวงล้อรถยนต์ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ โดยมาตรฐานครอบคลุมวงล้อรถยนต์ที่ทำจากจากวัสดุทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ เหล็กหล้า โลหะผสมอะลูมิเนียม และโลหะผสมแมกนีเซียม ใช้สำหรับรถยนต์ประเภทต่าง ๆ เช่น รถออฟโรด รถกระบะ รถบัส รถบรรทุก และรถส่วนพ่วงบรรทุกสิ่งของ ซึ่งวงล้อรถยนต์ที่ได้มาตรฐาน จะต้องผ่านการทดสอบความแข็งแรง ความทนต่อแรงกระแทก ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการแตกร้าวหรือเสียรูปของล้อ
ทั้งนี้ สมอ. จะเร่งรัดดำเนินการเพื่อให้ทั้ง 5 มาตรฐานดังกล่าว มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายภายในปี 2569 และเมื่อประกาศเป็นสินค้าควบคุมแล้ว ผู้ประกอบการทั้งผู้ผลิตและผู้นำเข้าทุกรายจะต้องขออนุญาตจาก สมอ. ก่อนผลิตและนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย เลขาธิการ สมอ. กล่าว