ส.อ.ท.เผย ยอดผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เดือน ก.ค. 2568 เพิ่มขึ้นร้อยละ 553.99

ส.อ.ท.เผย เดือนกรกฎาคม 2568 ผลิตรถยนต์ 110,616 คัน ลดลงร้อยละ 11.39 ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 3,610 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 553.99 ขาย 49,102 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.84 ขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 9,304 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.12 ส่งออก 72,439 คัน ลดลงร้อยละ 13.27 ส่งออกรถยนต์นั่งไฟฟ้า 120 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 100 ส่งออกรถกระบะไฟฟ้า 47 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 100
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนกรกฎาคม 2568 ดังต่อไปนี้
จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนกรกฎาคม 2568 มีทั้งสิ้น 110,616 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2568 ร้อยละ 15.06 และลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 11.39 ผลิตลดลงค่อนข้างมากโดยเฉพาะรถยนต์นั่งที่ใช้น้ำมันซึ่งลดลงร้อยละ 31.80 จากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกบางรุ่น รถกระบะยังคงผลิตลดลงทั้งผลิตขายในประเทศและผลิตส่งออกที่ลดลงร้อยละ 6.54 และ 8.61 ตามลำดับตามยอดขายในประเทศและยอดส่งออกที่ลดลงจากความไม่แน่นอนในการค้าโลก
จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 835,331 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ร้อยละ 5.73
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 49,102 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2568 ร้อยละ 1.95 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 5.84 เพิ่มขึ้นติดต่อกันสี่เดือนเพราะยอดขายรถยนต์นั่งโดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาเข้าถึงได้มากกว่ารถยนต์ใช้น้ำมัน รถกระบะยังคงขายลดลงต่อเนื่องมากว่าสามสิบเดือนเหลือแค่ 11,022 คัน ลดลงร้อยละ 16.3 ( ปี 2562 ก่อนโควิด 19 รถกระบะขายในประเทศเฉลี่ยเดือนละ 35,973 คัน เท่ากับ 35.70 % ของยอดขายรวม 1,007,552 คัน)
เพราะความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถกระบะจากหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงและเศรษฐกิจในประเทศที่ยังขยายตัวในอัตราต่ำร้อยละ 2.8 ในไตรมาส 2/2568 การลงทุนของเอกชนเติบโตแค่ร้อยละ 4.1 สาขาอุตสาหกรรมเติบโตแค่ร้อยละ 1.7 นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนลดลงมาก ทำให้สาขาพักแรมและอาหารเติบโตเพียงร้อยละ 2.1 คงต้องติดตามการลงทุนของเอกชน การท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนต่อไป คาดหวังงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตมากขึ้นจากปัจจุบัน
การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป ได้ 72,439 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้วร้อยละ 17.76 และลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2567 ร้อยละ 13.27 จากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งใช้น้ำมันบางรุ่นเพราะจะเปลี่ยนรุ่นรถ รถยนต์นั่งและรถกระบะไฟฟ้ายังส่งออกอีกในเดือนนี้ 167 คัน
ปีนี้จึงเป็นปีประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่ส่งออกรถยนต์นั่งไฟฟ้าและรถกระบะไฟฟ้าดังที่รัฐบาลและเอกชนร่วมมือกันให้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตยานยนต์ใช้น้ำมันและยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าที่มีนโยบายและความพร้อมของโครงสร้างแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและการเข้มงวดในเรื่องการติดตั้งอุปกรณ์ช่วยขับเพื่อความปลอดภัยในรถยนต์และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพของรถยนต์ของประเทศคู่ค้า ทำให้การส่งออกรถยนต์เดือนนี้ลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลียและโอเชียเนีย และอเมริกาเหนือ เครื่องยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถยนต์ยังคงส่งออกเพิ่มขึ้น
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV จดทะเบียนใหม่จำนวน 12,124 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 45.51 เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2568 จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 81,179 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 35.08
ยานยนต์ประเภทไฟฟ้า ประเภท HEV จดทะเบียนใหม่จำนวน 11,815 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 0.61 เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2568 จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 84,128 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 0.40
ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 1,286 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 55.69 เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2568 จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 12,632 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กรกฎาคมปีที่แล้วร้อยละ 120.76.