เอกนัฏ ส่ง สุดซอย ขยายผลกากพิษฉะเชิงเทรา เจอบัญชีส่วยชัดเจน

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และหัวหน้าชุดตรวจการณ์สุดซอย หรือ ทีมสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ผู้แทนมูลนิธิบูรณนิเวศ และเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา ลงพื้นที่ตรวจสอบ บริษัท เค.เอส.ดี. รีไซเคิล จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 83 หมู่ที่ 7 ตำบลหนองแหน อำเภอพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งประกอบกิจการคัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ซึ่งขยายผลจากกรณีลักลอบฝังขยะอุตสาหกรรมกว่า 50,000 ตัน ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมีการลงพื้นร่วมตรวจสอบ

“จากการขยายผลกรณีลักลอบฝังขยะอุตสาหกรรมจำนวนมากที่สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านที่ อ.แปลงยาว จ. ฉะเชิงเทรา พบการเชื่อมโยงมายัง บริษัทฯแห่งนี้ ซึ่งเป็นของบุคคลในครอบครัวเดียวกัน จึงส่งทีมงานมาตรวจสอบอย่างเร่งด่วน” นายเอกนัฏกล่าว

ด้านนางสาวฐิติภัสร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบโรงงานพบว่า มีเครื่องจักร และกองกากอุตสาหกรรมทั้งบนดินและฝังดิน มีลักษณะการประกอบกิจการคล้ายกับ จุดที่ อ.แปลงยาว จ. ฉะเชิงเทรา คือเปิดบริษัทรีไซเคิลรับกำจัดกากอุตสาหกรรม แต่ไม่นำกากอุตสาหกรรมไปกำจัดให้ถูกต้อง แต่กลับใช้วิธีกองเก็บไว้ และฝังกลบไว้ในที่ดินของตนเอง ซึ่งจากการสอบสวนพบว่าเจ้าของบริษัทแห่งนี้ยังเป็นพ่อของเจ้าของที่ดิน อ.แปลงยาว จ. ฉะเชิงเทรา ที่ขุดพบขยะพิษเกือบ 50,000 ตันไปก่อนหน้านี้ด้วย ทั้งยังพบข้อมูลบัญชีการจ่ายเงินให้กับบุคคลต่างๆ ทั้งนักการเมืองท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ตำรวจท้องที่ ข้าราชการ และจะทำการตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสีเทาอื่นๆอีกหรือไม่ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาและดำเนินคดีตั้งประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมเก็บตัวอย่างดินและน้ำในพื้นที่ส่งตรวจวิเคราะห์ หากผลปนเปื้อนเข้าข่ายเป็นของเสียที่เป็นวัตถุอันตราย เจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีเพิ่มเติมข้อหาครอบครองวัตถุอันตราย

“สิ่งที่น่าสังเกตคือการที่ครอบครัวเดียวกันมีการประกอบกิจการที่ผิดกฎหมายเหมือนกัน เราจึงต้องเร่งสืบหาความเชื่อมโยงว่ามีเครือข่ายอื่นใดอีกหรือไม่ และเชื่อมโยงกับเครือข่ายที่ลักลอบฝัง-ขนย้ายกากอุตสาหกรรมก่อนหน้านี้ด้วยหรือไม่ ที่สำคัญคือพบว่ามีหลักฐานการจ่ายส่วยอย่างชัดเจน ซึ่งเราต้องเร่งเอาผิดและจัดการกับผู้เกี่ยวข้องทั้งนักการเมือง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ที่คอยปกป้องผู้กระทำผิดเหล่านี้เพื่อไม่ให้มีการเอาเยี่ยงอย่าง การช่วยเหลือผู้ประกอบการสีเทาเหล่านี้” นางสาวฐิติภัสร์กล่าว.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password