กนอ.- ส.อ.ท.จัดงาน ECO Innovation Forum 2025

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ร่วมกับ สถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดฉากงานสัมมนาวิชาการแห่งปี “ECO Innovation Forum 2025” ปีที่ 9 ภายใต้แนวคิด “พัฒนาประเทศไทย ด้วยอุตสาหกรรมใหม่อย่างยั่งยืน” โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม นักวิชาการ และสื่อมวลชน เข้าร่วมงานกว่า 700 คน

โดยมี จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “การนำนิคมอุตสาหกรรม ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยสู่ความยั่งยืน” โดยระบุว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยเป็นหัวใจสำคัญของระบบเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างโอกาสทางสังคม แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งการแข่งขันระดับโลก ปัญหาสิ่งแวดล้อม และความคาดหวังด้านความยั่งยืน ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างรวดเร็วในทุกๆ ด้าน ภาคอุตสาหกรรมไทยจำเป็นต้อง “ปรับตัวให้ทันโลก” และต้อง “ขับเคลื่อนเพื่อนำโลก” ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีสะอาด และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

การบริหารภาคอุตสาหกรรมต้องมุ่ง “สนับสนุนและพัฒนา” ควบคู่กับการกำกับให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยยึดแนวทาง “ปิดเร็ว – เปิดเร็ว – พึ่งพาได้” เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการบังคับใช้กฎหมายและการส่งเสริมเศรษฐกิจ กระทรวงอุตสาหกรรมจะ สนับสนุนผู้ประกอบการให้ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง โปร่งใส และยั่งยืน โดยเน้นการพัฒนาในสามมิติ คือ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เชื่อมโยงความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นมิตรกับชุมชน มุ่งสู่การเป็น “พื้นที่ต้นแบบ” ของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG และอุตสาหกรรมยั่งยืน สร้างทั้ง “เศรษฐกิจที่มั่นคง” และ “คุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทยทุกคน”

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงจุดยืนของกระทรวงฯ ในการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ผ่าน “MIND ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมคู่ชุมชน” โดยมีเป้าหมายเพื่อ “พัฒนาประเทศไทย ด้วยอุตสาหกรรมใหม่อย่างยั่งยืน” โดยย้ำว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ที่ไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจแบบเดิมซึ่งไม่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคมได้อีกต่อไป โดยหัวใจสำคัญของ MIND คือการทำให้โรงงานอุตสาหกรรมยุคใหม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถเติบโตไปพร้อมกับชุมชนได้อย่างแท้จริง

โดยการขับเคลื่อนผ่านการทำงานแบบบูรณาการใน 4 มิติหลัก เพื่อสร้าง “อุตสาหกรรมที่รับผิดชอบ” และ “คุณภาพชีวิตที่ดี” ให้แก่ประชาชน. ประกอบด้วย 1. ความสำเร็จทางธุรกิจ ผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม, 2.การดูแลสังคมโดยรอบ เพื่อให้อุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับชุมชนได้, 3. การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยผลักดันอุตสาหกรรมสีเขียวและมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน, และ 4. การกระจายรายได้สู่ชุมชน เพื่อสร้างอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิต

นายอสิ ตัณสถิตย์ รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่าความร่วมมือกันระหว่าง กนอ. และ ส.อ.ท. ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ทั้ง 2 หน่วยงานได้ร่วมกัน ขับเคลื่อนแนวทาง Eco Industry อย่างต่อเนื่อง ตลอดจน Eco Industrial Town/ Green Industry และ Eco Factory รวมถึงการจัดการของเสีย (ECO Factory for Waste Processor) เพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) อย่างมั่นคง และท่ามกลางความท้าทาย ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในหลายๆ ด้านภาคอุตสาหกรรมไทยต้อง ปรับตัวเพื่อให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็น ศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาค และรองรับอุตสาหกรรมใหม่อย่าง AI และ Internet of Things (IoT) ขณะเดียวกัน ภาคการผลิตภายในประเทศก็มีการปรับตัวสู่ Smart และ Sustainable Industry ด้วย โดยมีเป้าหมาย Net zero (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์) ภายในปี 2050

ทั้งนี้ ส.อ.ท.ดำเนินการตามนโยบาย “ONE FTI” ผลักดันการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมไทยให้ตอบโจทย์เศรษฐกิจอนาคต ทั้งการยกระดับอุตสาหกรรมดั้งเดิม (First Industries) ให้ทันสมัย และการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Next-Gen Industries) ซึ่งนโยบายนี้ เป็น “เรือธง” ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับภาคอุตสาหกรรมไทยและเติบโตเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาคอาเซียน ด้วยพลังของ One Vision, One Team โดยรวมกันเป็น One Industrial Thailand เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าอย่างมั่นคง สมดุล และยั่งยืน ที่สำคัญในปีนี้คือการประกาศเจตนารมณ์การจัดการของเสียอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ร่วมกันของทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนสู่ เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อย่างเป็นรูปธรรม

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการ กนอ. กล่าวว่าปีนี้ กนอ. มุ่งผลักดันโครงการ Quick Win ที่จะเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมภายในระยะเวลาอันสั้น เช่น การปลดล็อคปัญหาอุปสรรคของการลงทุนด้วยกระบวนการอนุมัติ-อนุญาตที่รวดเร็ว โปร่งใส และถูกต้อง และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการฟื้นการลงทุน หนุนผู้ประกอบการ และสร้างความยั่งยืน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมของประเทศ

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า กนอ. มุ่งมั่นสร้างภูมิทัศน์อุตสาหกรรมใหม่ (Industrial Landscape) เพื่อผลักดันให้นิคมอุตสาหกรรมเป็นที่ยอมรับในระดับสากลและดึงดูดนักลงทุน. ภายใต้แนวคิด “พัฒนาประเทศไทย ด้วยอุตสาหกรรมใหม่อย่างยั่งยืน” กนอ. จะดำเนินการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว การใช้พลังงานสะอาด และจัดการของเสียแบบ Close Loop , พัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว, ปรับปรุงการบริการสู่ระบบดิจิทัล , และพัฒนาทุนมนุษย์ให้สอดรับกับเศรษฐกิจอุตสาหกรรมใหม่ โดยการจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ

นอกจากนั้นภายในงาน ได้มีการมอบโล่เกียรติยศและใบประกาศเกียรติคุณ ให้กับนิคมอุตสาหกรรมและโรงงาน รวมทั้งสิ้นกว่า 269 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับ Eco World Class 12 แห่ง, ระดับ Eco-Excellence 28 แห่ง และระดับ Eco-Champion 42 แห่ง โรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 41 แห่ง โรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสำหรับผู้ประกอบการจัดการของเสีย 3 แห่ง โรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสำหรับผู้ประกอบการของเสียระดับพื้นฐาน 5 แห่ง วอเตอร์ฟุตพรินต์ของผลิตภัณฑ์ 7 แห่ง สถานประกอบการที่มีการจัดการทรัพยากรเพื่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน 5 แห่ง โรงงานสนับสนุนข้อมูลการดำเนินงานพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 122 แห่ง นิคมอุตสาหกรรมและโรงงานอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมโครงการประเมินผลลัพธ์เชิงสังคม 21 แห่ง.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password