สรรพสามิตผนึก ‘2 บริษัทเอกชน’ สกัดขนส่งเหล้า-บุหรี่ ตัดวงจรส่งสินค้าผิด กม.

“เผ่าภูมิ” นำทัพ “กรมสรรพสามิต” เซ็นเอ็มโอยูร่วม 2 บริษัทขนส่งภาคเอกชน “โกลบอล เจท เอ็กซ์เพรส (ไทยแลนด์) – เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย)” เดินหน้าตรวจสอบ ยึด และอายัดสินค้าผิดกฎหมายหลุดถึงประชาชน ตัดวงจรตั้งแต่การขนส่ง โดยเฉพาะกลุ่มเหล้าและบุหรี่ ลดสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจและผู้ประกอบการถูกกฎหมาย

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เป็นประธานและสักขีพยานใน พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการตรวจสอบ ยึด และอายัดสินค้า เพื่อเป็นการยกระดับการป้องกัน ปราบปรามลักลอบนำส่งสินค้าผ่านพัสดุที่มีเจตนาหลบเลี่ยงภาษีสรรพสามิต โดยมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต ดร.สุธีมนต์ อักเกอร์เวล ประธานบริษัท โกลบอล เจท เอ็กซ์เพรส (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ J&T EXPRESS และ นายเจตน์ จิวัจฉรานุกูล ผช.กก.ผจก.ทั่วไป บมจ. เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX ณ อาคารหอประชุมกรมสรรพสามิต เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 31 มี.ค. 2568 ที่ผ่านมา

รมช.คลัง กล่าวว่า จากการประกาศ นโยบาย “Zero Tolerance : สินค้าหลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตต้องเป็นศูนย์” กระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้กรมสรรพสามิต เดินหน้าจับกุมและปราบปรามอย่างจริงจัง มุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายที่ลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ได้เสียภาษี เพื่อเป็นการป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าสินค้าสรรพสามิตและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามนโยบายรัฐบาล โดยให้ดำเนินการปราบปรามการกระทำผิดอย่างเข้มงวดและจริงจังให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการลักลอบขนส่งสินค้าที่มิได้เสียภาษีสรรพสามิตผ่านบริการขนส่งพัสดุ โดยสั่งการให้ยกระดับความร่วมมือกับหน่วยงานขนส่งทุกบริษัท เพื่อให้มีข้อมูลเพิ่มขึ้นในการใช้ในการวิเคราะห์ คัดกรอง และจัดทำ Big Data เพื่อใช้ในการสืบค้นข้อมูลและขยายผลหาผู้กระทำความผิด เพื่อตัดวงจรการขนส่งสินค้าผิดกฎหมายสรรพสามิต
“กรมสรรพสามิตเป็นหน่วยงานสำคัญในการป้องกันและปราบปรามไม่ให้สินค้าผิดกฎหมายหลุดรอดออกไปสู่พี่น้องประชาชน จึงจำเป็นต้องมีการเร่งยกระดับการบูรณาการด้านข้อมูลและด้านความร่วมมือการปฏิบัติงานด้านการปราบปราม และต้องดำเนินการให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ การตัดวงจรการขนส่งสินค้าผิดกฎหมายสรรพสามิตผ่านหน่วยงานขนส่ง เพื่อไม่ให้มีการขายและบริโภคสินค้าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะสินค้าสุราและยาสูบต้องลดลงให้มากที่สุด เนื่องจากเป็นการสร้างความเสียหายต่อผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานความปลอดภัยซึ่งส่งผลต่อสุขภาพและชีวิตของพี่น้องประชาชน และยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย” นายเผ่าภูมิ ระบุ.

