นายพรยศ กลั่นกรอง รองอธิบดี รักษาราชการแทน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ดำเนินการยกระดับการให้บริการของภาครัฐในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นไปตามตัวชี้วัดมาตรการการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของส่วนราชการ ต่อยอดจากบริการเดิมที่มี คือ การให้บริการยื่นคำขอผ่านระบบ e-Service (สะดวกยื่น) การให้บริการชำระเงินผ่านระบบ e-Service (สะดวกจ่าย) และดำเนินการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จผ่านระบบ e-Service (สะดวกรับ)

โดยการดำเนินการออกเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้กฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย ตามนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรมในการอำนวยความสะดวก ด้วยการเข้าใช้ระบบด้วยชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านชุดเดียวกัน ผ่านระบบทะเบียนลูกค้ากระทรวงอุตสาหกรรม (i-Industry) ทำให้ผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอ ชำระค่าธรรมเนียม และรับใบอนุญาตในรูปแบบและช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ คาดว่าจะรองรับธุรกรรมได้กว่า 150,000 รายการต่อปี ส่งผลให้เกิดรายได้และมูลค่าทางเศรษฐกิจแก่ประเทศ

ด้านนายธีรทัศน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า สำหรับการออกเอกสารอิเล็กทรอนิกส์จะประกอบด้วย ใบตอบหารือเคมีภัณฑ์ ใบสำคัญการขึ้นทะเบียน ใบอนุญาตเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 และใบแจ้งการดำเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 2

โดยบูรณาการกับระบบ e-Service ด้านการอนุญาตวัตถุอันตรายของ กรอ. ได้แก่ ระบบการหารือเคมีภัณฑ์ ระบบการอนุญาตวัตถุอันตราย ณ จุดเดียว (HSSS-2024) ระบบการชำระเงิน e-Payment และระบบการรับแจ้งข้อเท็จจริงตามแบบ วอ./อก.6 โดยเปิดทดลองใช้ระบบการอนุญาตวัตถุอันตราย ณ จุดเดียว (HSSS-2024) ในขั้นตอนการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายและการต่ออายุการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2567 และจะเปิดบริการครบวงจรในต้นปี 2568 ผู้ประกอบการสามารถเข้าใช้งานที่ระบบทะเบียนลูกค้ากระทรวง (https://i.industry.go.th) หัวข้อ “บริการยื่นขออนุญาตออนไลน์” บริการ “อนุญาตวัตถุอันตราย ตามบัญชี 5.1 5.4 และ 5.5”

ทั้งนี้ กรอ. ได้จัดฝึกอบรม หลักสูตร “ผู้ใช้งานระบบการออกเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม” เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจำนวนมากกว่า 200 ราย เตรียมเดินหน้าต่อยอดระบบนี้ โดยวางเป้าหมายภายในปี 2568 กรอ. จะพัฒนาการให้บริการของภาครัฐในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ให้ครบทุกกระบวนงาน ตามคู่มือประชาชนที่ กรอ. รับผิดชอบ ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนเครื่องจักร กฎหมายว่าด้วยโรงงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพการทำงานขององค์กรให้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงยังมีระบบการเชื่อมโยงการเข้าถึงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน และประชาชน เพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้กับผู้ที่ต้องการติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐง่ายยิ่งขึ้น.