สนค. เผย! ยอดส่งออก ส.ค.2567 บวก 7.0% โตต่อเนื่อง 2 เดือนติด เกินดุล 264 ล้านดอลลาร์ ชี้! ขยายตัวทุกหมวดสินค้า พบเฉลี่ย 8 เดือนแรกขยายตัว 4.2% ยอมรับค่าเงินบาทแข็งกระทบส่งออกช่วงไตรมาสสุดท้าย ด้านประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ ชี้! แม้ส่งออกบวก แต่การรับชำระเงินช่วง ต.ค.นี้  เมื่อแปลงเป็นบาท ยอดรายได้หายอยู่ดี กระทบเอสเอ็มอี ถึงขั้นขาดทุน? ระบุ! บาทแข็งส่งผลกระทบยอดส่งออกล็อตใหม่ปลายปีนี้ยันไตรมาสแรกปีหน้า

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกดือนสิงหาคม 2567 ยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมา และขยายตัวในทุกหมวดสินค้า โดยเฉพาะ สินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมเกษตร ที่ขยายตัวสูงถึง 17.4% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ซึ่งสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ที่กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน บวก 1%  ข้าว ขยายตัวสูงถึง 46.6% ยางพารา ขยายตัว 64.4% และ สินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 5.2% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 โดย สินค้าสำคัญที่ขยายตัวได้ดี มีทั้งรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง

ตลาดสำคัญส่วนใหญ่ก็ขยายตัวได้ดี ทั้งตลาดหลัก อย่าง สหรัฐฯ  จีน อาเซียน และกลุ่ม CLMV รวมไปถึง ตลาดตะวันออกกลาง กลับมาขยายตัว 34.6% และ แอฟริกา ที่กลับมาขยายตัวในเดือนสิงหาคมที่ 20.3% ทำให้ภาพรวมการส่งออกของไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ยังขยายตัวถึง 4.2%

กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์ภาพรวมการส่งออกในปี 2567 นี้ ไว้ที่ 1-2% หากทำได้ถึง 2% จะมีมูลค่าส่งออกสูงถึง 290,776 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 10 ล้านล้านบาท สูงสุดในประวัติศาสตร์ แม้จะมีผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ที่คาดว่าจะเริ่มมีผลต่อการส่งออกตั้งแต่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ แต่ยังมี ปัจจัยบวกหลายด้าน ทั้ง เศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว ทำให้กำลังซื้อประเทศคู่ค้าดีขึ้น / การส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปได้ดี /  และค่าระวางเรือที่ลดลง ซึ่งหากไม่มีปัจจัยบั่นทอนมาเพิ่มเติม ก็อาจจะทำให้การส่งออกของไทย ปีนี้มีโอกาสโตเกิน 2% ได้

ด้าน นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องค่าเงินบาทเป็นปัจจัยเฝ้าระวังสูงสุด เห็นได้ว่าแม้ยอดการส่งออกในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมที่ผ่านมาทำได้ดี แต่กว่าจะได้รับชำระเงินคือช่วงเดือนตุลาคม ถึงตอนนั้นคงมีผลกับการแปลงค่าเงินจากดอลลาร์สหรัฐฯมาเป็นเงินบาท ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่อง เนื่องจากสัดส่วนการทำกำไรลดลง โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก อาจจะถึงขั้นขาดทุน รวมทั้งจะมีผลต่อการชะลอรับคำสั่งซื้อใหม่ ที่จะมีผลต่อยอดการส่งออกในช่วงปลายปี ไปจนถึงไตรมาสแรกปีหน้า นอกจากนี้ ผู้ส่งออกยังต้องเจอกับภาวะต้นทุนค่าแรง เข้ามาเพิ่มเติม จากที่แบกรับไว้สูงมาก ทั้งอัตราดอกเบี้ย และการคำนวณค่าเงิน ทำให้ทางผู้ผลิต และผู้ส่งออก อยากให้ชะลอการปรับขึ้นค่าแรงชั้นต่ำออกไปก่อน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระต้นทุนที่มีมากอยู่แล้ว

ส่วน การนำเข้าในเดือนสิงหาคม 2567 มีมูลค่า 25,917 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 8.9% โดยไทย ยังเกินดุลการค้าที่ 264 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่กับ ภาพรวมการนำเข้าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มีมูลค่า 203,543 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และไทยขาดดุลการค้า 6,351 ล้านเหรียญสหรัฐฯ.