บก.แจงการโอนเงิน e-Money คืนผู้มีสิทธิ ผ่านพร้อมเพย์ผูกเลขบัตรประชาชน
กรมบัญชีกลาง(บก.) แจงการโอนเงิน e-Money คงเหลือในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการเก่า) สำหรับรายการที่โอนไม่สำเร็จ (Reject) รวมกว่า 2 แสนราย
นางสาวทิวาพร ผาสุข รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า จากการโอนเงินในกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ซึ่งเป็นเงินที่ภาครัฐเคยให้ความช่วยเหลือผู้มีสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 และ ปี 2561 (โครงการเก่า) แต่ปัจจุบันยังมีเงิน e-Money คงเหลือในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และยังเป็นผู้มีสิทธิโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 (โครงการปัจจุบัน) ที่ได้ทำการยืนยันตัวตน (e-KYC) ภายในวันที่ 26 เมษายน 2567 กรมบัญชีกลางได้ทำการโอนเงิน e-Money คงเหลือดังกล่าวให้ผู้มีสิทธิเมื่อวันที่ 23 และ 24 พฤษภาคม 2567 ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน หรือบัญชีเงินฝากธนาคารตามที่ผู้มีสิทธิแจ้งความประสงค์ในหนังสือให้ความยินยอมโอนเงินสวัสดิการเข้าบัญชีร่วมกับบุคคลอื่น หรือหนังสือให้ความยินยอมโอนเงินสวัสดิการเข้าบัญชีบุคคลอื่น สำหรับผู้ได้รับสิทธิโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (เฉพาะกรณีผู้พิการ/ผู้ป่วยติดเตียง/ผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ที่ไม่สามารถผูกพร้อมเพย์ได้)
“จากการโอนเงินคืนให้แก่ผู้มีสิทธิในวันดังกล่าว พบว่า ไม่สามารถโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิได้จำนวนประมาณ 2 แสนกว่าราย เนื่องจากสาเหตุต่างๆ ได้แก่ ไม่มีบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน ไม่มีบัญชีเงินฝากธนาคารตามที่ผู้มีสิทธิแจ้งความประสงค์ในหนังสือให้ความยินยอมฯ บัญชีเงินฝากธนาคารไม่เคลื่อนไหว บัญชีเงินฝากธนาคารปิด หรือบัญชีเงินฝากธนาคารติดเงื่อนไข ดังนั้น จึงขอให้ผู้มีสิทธิที่มีเงิน e-Money คงเหลือในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐดังกล่าว ทำการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน ภายในวันที่ 19 มิถุนายน 2567 หรือยื่นหนังสือยินยอมฯ ที่สำนักงานคลังจังหวัดหรือกรมบัญชีกลาง ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 เพื่อให้มีบัญชีเงินฝากธนาคารพร้อมรับเงิน e-Money คงเหลือข้างต้น โดยกรมบัญชีกลางจะทำการแก้ไขรายการที่โอนไม่สำเร็จ (Reject) จำนวน 1 ครั้ง ในวันที่ 21 มิถุนายน 2567 หลังจากนั้น หากยังมีรายการที่โอนไม่สำเร็จ (Reject) จะส่งเงินคืนกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม” โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าว.