นายกฯย่องตรวจ “สุวรรณภูมิ” ดูความพร้อมรับสงกรานต์ กำชับต้องเช็คอินผ่านใน45นาที
“เศรษฐา ทวีสิน” ย่องตรวจสนามบินสุวรรณภูมิแบบไม่แจ้งล่วงหน้า เป็นครั้งที่ 3 ดูระบบการให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ชมระบบการบริการภาพรวมดีขึ้นมาก กำชับผู้โดยสาร ต้องใช้เวลาเช็คอินจนผ่าน ตม.ไม่เกิน 45 นาที ด้านผู้การ ตม.2 ยืนยันจากนี้จะไม่มีระบบล่มอีก
วันที่ 9 เม.ย.2567 เวลา 21.20 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิแบบไม่แจ้งล่วงหน้า ตรวจระบบการให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเคยมาตรวจในลักษณะนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม โดยเมื่อมาถึง นายกรัฐมนตรีได้ตรวจระบบเช็คอิน ซึ่งพบว่าระบบบริหารจัดการยังสามารถทำได้ดีผู้โดยสารไม่ต้องรอนาน เนื่องจากทางการท่าอากาศยานเปิดให้เช็คอินเร็วขึ้นจากเดิม 3 ชั่วโมงเป็น 4 ชั่วโมง
จากนั้นนายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ พลตำรวจตรีเชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมืองสอง ได้มาต้อนรับนายกและนำตรวจตามจุดต่างๆ โเยนายกรัฐมนตรีได้ไปตรวจระบบของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. ซึ่งได้มีการยกเว้นการสแกนใบหน้าและลายนิ้วมือสำหรับคนไทย เนื่องจากมีชื่ออยู่ในระบบอยู่แล้ว และไม่เป็นปัญหาต่อระบบความมั่นคง ทำให้ผู้โดยสารขาออกสามารถลดระยะเวลาในขั้นตอนนี้ได้ถึง 15 นาที
ส่วนระบบของ ตม.ที่ก่อนหน้านี้เคยล่มหลายครั้ง พลตำรวจตรีเชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมืองสอง ยืนยันว่า จากนี้ระบบจะไม่ล่มอีก ได้มีการปรับปรุงแก้ไขและมีการเชื่อมต่อระบบกับทางการท่าอากาศยานแล้ว ทำให้ระบบทำงานได้ดีขึ้นและเร็วขึ้น ซึ่งในระยะยาวนายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ยกเครื่องระบบตรวจคนเข้าเมืองทั้งหมด ให้ทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและการท่าอากาศยานเป็นระบบเดียว คือ Thailand Immigration system หรือ TIS ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างดำเนินการอนุมัติ ส่วนขาเข้าตั้งแต่ลงเครื่องมาถึงจุดตรวจคนเข้าเมือง พยายามจะให้ใช้เวลาไม่เกิน 45 นาที
อย่างไรก็ตาม ในช่วงพีคของผู้โดยสารขาออกจะเป็นเวลาตั้งแต่ 22:00 น. เป็นต้นไปซึ่งพบว่าผู้โดยสารขาออกมีการรอ เข้าแถวรอเช็คอินจำนวนมาก นาย กิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระบุว่าปัญหาหนึ่งเกิดมาจากสายการบินบางสายการบินยังไม่พร้อมให้ผู้เครื่องเช็คอินด้วยตัวเอง ทำให้ผู้โดยสารยืนรอต่อแถวหน้าเคาน์เตอร์
ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะสั่งการให้สำนักงานการบินพลเรือนและการท่าอากาศยาน ขอความร่วมมือสายการบินให้เปิดใช้ระบบเช็คอินด้วยตนเอง ร่วมกับระบบเช็คอินหน้าเคาน์เตอร์ เนื่องจากปัจจุบันมีสายการบินที่ใช้ระบบออโต้เพียง 28 สายการบินจากทั้งหมด 117 สายการบิน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ไปตรวจดูห้องพักของเจ้าหน้าที่ที่ก่อนหน้านี้เคยมาตรวจดู และสั่งให้มีการเพิ่มพื้นที่ห้องพักของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมีความสะดวกสบาย ซึ่งพบว่าขณะนี้การเพิ่มห้องพักให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมีความคืบหน้าไปมาก
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ไปดูเรื่องระบบการจราจรของผู้โดยสารที่เดินทางมายังสนามบินสุวรรณภูมิ พบว่าการจราจรค่อนข้างหนาแน่น แต่ทางการท่าอากาศยานก็ได้มีการบริหารจัดการเพิ่มเจ้าหน้าที่และเพิ่มช่องทาง อำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร ระบายรถได้ดีขึ้น พร้อม กล่าวว่า หลังจากเดินตรวจสอบระบบทั้งหมดพบว่าการบริหารจัดการโดยภาพรวมดีขึ้นมาก ใช้ระบบ Manual เยอะขึ้น มีเจ้าหน้าที่มาคอยให้บริการเยอะขึ้น และเชื่อว่าภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ระบบทั้งหมดจะดีขึ้น.