@@@@@@… กลางปีก่อน (2023) สมาคมเพื่อการโทรคมนาคมทางการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก (SWIFT) จัดอันดับให้ สกุลเงินบาทของไทย กลายเป็นสกุลเงินที่ทรงอิทธิพล Top 10 ของโลก ครองสัดส่วนการชำระเงิน (การใช้จ่าย) ในตลาดโลกอยู่ที่ 1.03% … อีก 6 เดือนเศษนับจากนี้ หวังใจว่า…คนไทยจะยังคงภาคภูมิใจกับสภาวะที่เงินบาท “ทรงอิทธิพลสูงสุด” ต่อไป! ตราบเท่าที่ “ซอฟท์ พาวเวอร์” ของไทย…ไม่ว่าจะเป็น สินค้าและบริการ ตลอดจน ทุกสรรพสิ่งแห่งความเป็นไทย ตั้งแต่…อาหารการกิน แหล่งท่องเที่ยว ศิลปะ-วัฒนธรรม (วัดและวัง) เสื้อผ้าแฟชั่น ภาพยนตร์ ละคร เพลง การต่อสู้ (มวยไทย) นวดแผนไทย ฯลฯ ยังคงมีความหมายต่อประชาชนของประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดไทย และของโลก เช่นที่เป็นอยู่ในวันนี้

@@@@@@… ยกเครดิตให้ รัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมา รวมถึง…หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และที่จะขาดเสียไม่ได้ก็คือ คนไทยทั้งแผ่นดิน ที่มีส่วนอย่างมากต่อการสรรค์สร้าง…พลัง “ซอฟท์ พาวเวอร์” แบบไทยไทย จนกลายเป็นความประทับใจที่ยากจะรู้ลืมของชาวต่างชาติทุกชาติพันธุ์ ที่ได้มีโอกาสมาสัมผัสกับความเป็นไทย แม้เพียงครั้งเดียว! ภาพมันเหมือนจะดูดี หากไม่มีข่าวทำนองนี้เกิดขึ้นตามมา คนที่ชี้ให้ประเด็นสำคัญรอบนี้ ต้องยกเครดิตให้กับ “หนุ่ม เมืองจันทน์” ที่ออกมาโพสต์ถาม ธนาคารแห่งประเทศไทย ยุค “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” คนที่กินเงินเดือนและรายได้ต่อเนื่องปีละกว่า 13 ล้านบาท มากกว่าคนเป็น “นายกรัฐมนตรี” คนปัจจุบัน มากถึงราว 10 เท่า ทำนอง…รู้สึกตะหงิดอะไรในใจบ้างไหม? เมื่อกลุ่มธุรกิจแบงก์พาณิชย์ ในกำกับดูแล…ทำกำไรรวมกันมากถึง 2.2 แสนล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์

@@@@@@… ประเด็น กลุ่มธุรกิจแบงก์พาณิชย์ฟันกำไรในทุกๆ ปี ก็ดูจะเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่การที่มีกำไรมากสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลาง ภาพรวมเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ที่ภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น…สภาพัฒน์ กระทรวงการคลัง และ ธนาคารแห่งประเทศไทย ต่างปรับลดตัวเลขคาดการณ์จีดีพีลงแล้วลงอีก ผสานเสียงโอดครวญของ พ่อค้าแม่ขาย ที่บ่นกันอึงมี่ว่า “ขายของไม่ดี” แถม นักธุรกิจเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ยังพากันปิดตัว…เลิกกิจการไปถึงกว่า 1.7 หมื่นราย ขณะที่ คนไทยอีกหลายคนผ่อนรถยนต์ไม่ไหว จำต้องปล่อยให้ไฟแนนซ์ ยึดรถไป เฉลี่ยเดือนละ 2.7 หมื่นคัน หนักขนาดนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย ยุค “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ยังปล่อยให้ธุรกิจแบงก์พาณิชย์ฟันกำไรจาก “ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ” ได้มากเพียงนั้น คิดอะไรในใจกับบ้างไหมนี่?

@@@@@@… นักข่าวไปถามเรื่องนี้กับ “นายกฯเศรษฐา ทวีสิน” ที่ครั้งหนึ่ง…ธุรกิจในมือ ก็ต้องเวียนไปพบ “นายแบงก์คนโต” บางคน? บางกลุ่ม? เพื่อเจรจาเรื่องเงินๆ ทองๆ รองรับการขยายธุรกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ คำตอบที่ได้รับ สรุปสั้นๆ ก็คือ…ในขณะที่ภาวะเงินเฟ้อต่ำ แต่กับนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย กลับพุ่งสูง! ไม่สอดรับกัน ถึงขนาด “หัวหน้ารัฐบาล” พูดเอง…“(เงินเฟ้อ) ต่ำมากครับ” และคืนก่อนหน้านี้ นายกฯเศรษฐา โพสต์ข้อความลงใน X ว่า… “ผมไม่เห็นด้วย” โฟกัสไปที่ นโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะแนวคิดนี้…มันไปเพิ่มกำไรและความมั่งคั่งให้กับคนในแวดวงธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ในขณะที่คนส่วนใหญ่ต่างเดือดร้อนกันถ้วนทั่ว คงต้องฝากให้ นายกฯเศรษฐา ที่มีวาระนัดหมายคุยกับ ผู้ว่าฯเศรษฐพุฒิ ในเร็ววัน คุยเรื่องนี้ให้ขาด! บางที…แนวคิดการจัดการบุคคลในยุค “สามก๊ก” หากมันจำเป็น…เพื่อประโยชน์ชาติบ้านเมืองและพี่น้องคนไทย ก็จำต้องนำมาใช้เสียบ้าง…

@@@@@@… ต่อเนื่องกันไป? ไหนๆ นายกฯเศรษฐา ก็จะคุยเรื่องเงินๆ ทองๆ กับ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กันแล้ว ก็เรียก…อีกหนึ่งใน “เรคกูเรเตอร์” คนสำคัญของแวดวงเงินๆ ทองๆ ที่คอยกับกำดูแล ธุรกิจประกันภัย ที่มีมูลค่าหลายล้านล้านบาทในทุกๆ ปี อย่าง…เลขาธิการ คปภ. “ชูฉัตร ประมูลผล” มาคุยต่อในทันที! กับ ปมค้างจ่ายเงินสินไหมทดแทนจากเบี้ยประกันภัย “เจอจ่ายจบ” ตัวเลขกลมๆ ที่ กองทุนประกันวินาศภัย ในความดูแลของ สำนักงาน คปภ. ติดค้างคนไทยมาตลอด 3 ปีเศษ นับจาก วิกฤติโควิด-19 ระบาดอย่างรุนแรง ว่ากันว่า…มีรวมกันสูงราว 5-6 หมื่นล้านบาท จากยอดผู้เอาประกันค้างรับ (เงิน) กว่า 6 แสนคน หากรัฐบาลชุดนี้ แก้ไขได้อย่างทันท่วงทีแล้ว ไม่เพียงจะบรรเทาความเดือดร้อนบนความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจ ยุค “ดอกเบี้ยขาขึ้น” หากยังทำให้ “คนป่วยชั้น 14 และลูกสาวคนนั้น” คงรู้สึก…พออกพอใจกับฐานเสียงในทางการเมืองที่จะมีตามมากันอีก อย่าลืมว่า…คน 6-7 แสนคที่ยังไม่ได้รับเงินชดเชยจากประกันภัย “เจอจ่ายจบ” ล้วนมีมีคนในครอบครัวระดับ “คูณ 3 ถึงคูณ 4” สร้างโอกาสในทางการเมืองได้อีกสักเท่าไหร่? รู้แล้ว…ก็ขยับเสียหน่อย

ทีมยุทธศาสตร์ NO.1