ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 30
คลัง เผย การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 30 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง วันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 ณ นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 ตามเวลามาตรฐานแปซิฟิก ได้มีการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค (APEC Finance Ministers’ Meeting: APEC FMM) อย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา (H.E. Janet L. Yellen) เป็นประธาน โดยได้มีการหารือในประเด็นสถานการณ์เศรษฐกิจของภูมิภาคในปัจจุบัน พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของการดำเนินนโยบายการเงินการคลังในปัจจุบันและมุมมองต่อแนวทางการดำเนินนโยบายในอนาคตเพื่อสอดรับกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของภูมิภาคที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อการก่อหนี้สาธารณะเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งส่งผลต่อกำลังการผลิตในระบบเศรษฐกิจที่ลดลงและภาระงบประมาณในการสนับสนุนด้านสวัสดิการที่เพิ่มขึ้น เป็นต้น
จากนั้น ในช่วงบ่าย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ) ยังได้ร่วมหารือทวิภาคีกับสาธารณรัฐเกาหลี และสาธารณรัฐสิงคโปร์ ซึ่งมีผลการหารือสรุปได้ ดังนี้
1.ผลการหารือทวิภาคีกับ H.E. Ji-young Choi รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการเงิน สาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งแจ้งว่าสถาบันการเงินของเกาหลีมีความสนใจขอใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Banking) ในไทย ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้แจ้งถึงความคืบหน้าในการดำเนินการของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งอยู่ระหว่างออกกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในการให้ใบอนุญาตดังกล่าว และคาดว่าจะสามารถออกประกาศใช้ได้ในอนาคตอันใกล้
นอกจากนี้ สาธารณรัฐเกาหลีขอให้ไทยสนับสนุนการเป็นประธานร่วมภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน+3 ในปีหน้า และขอเสียงสนับสนุนจากไทยในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ World Expo 2030 ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังแจ้งว่าไทยพร้อมสนับสนุนและจะประสานงานไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาให้การสนับสนุนดังกล่าวด้วย
2.ผลการหารือทวิภาคีกับ H.E. Indranee Thurai Rajah รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนที่สอง สาธารณรัฐสิงคโปร์ ซึ่งได้แสดงความยินดีกับไทยที่ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคในปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้หารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นระหว่างกัน โดยเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญ เช่น (1) การกระตุ้นเศรษฐกิจให้เข้าสู่สภาวะก่อนการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งไทยได้ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว และการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ (2) การพัฒนาความร่วมมือด้านพลังงานที่ยั่งยืน และ (3) การดำเนินมาตรการเพื่อรองรับสังคมสูงวัย เป็นต้น ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้แสดงความขอบคุณสิงคโปร์ที่สนับสนุนไทยในการประชุมภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน อาเซียน+3 และเอเปคมาโดยตลอด