กมธ.ความมั่นคงฯ พบ.ตร. ถกปมดึง ตร.จีน เข้าไทยร่วมลาดตระเวนแห่งท่องเที่ยว ด้าน “บิ๊กต่อ” เผย! เช็คจากนายกฯ ไม่พบนโยบายดังกล่าว ด้าน “รังสิมันต์” จ่อทำหนังสือเป็นเป็นลายลักษณ์อักษรถึงรัฐบาลเศรษฐาให้ ชี้แจงกลับ

กลายเป็นอีกหนึ่งข่าวฮ๊อตต่อเนื่องจากวันก่อน ปม นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หลุดกลางวงเสวนาฯ กับแนวคิดจะดึงตำรวจจีนมาร่วมลาดตระเวนในแหล่งท่องเที่ยวของไทย เพื่อดูแลนักท่องเที่ยวชาวจีน จนกลายเป็นประเด็น “ดราม่า” ร้อนแรงใน “วงถก” ทั้งจากกลุ่มออฟไลน์และออนไลน์ กระทั่ง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ต้องส่ง นายชัย วัชรงค์ “โฆษกรัฐบาล” มาช่วยแก้ต่างถึงประเด็น “ดราม่า” ดังกล่าว

ล่าสุด นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร นำคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ เข้าหารือกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กรณีนำตำรวจจีนเข้ามาลาดตระเวนในไทย เพื่อดูแลนักท่องเที่ยวจีน โดย ผบ.ตร.ระบุว่า ส่วนตัวขอยืนยันว่า ตนไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว เพราะเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทย

ทั้งนี้ ตำรวจไทยมีศักยภาพในการดูแลประชาชนและนักท่องเที่ยวเพียงพอ อีกทั้งการกระทำดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้เป็นผู้เสนอหรือร้องขอแนวคิดดังกล่าวไป เชื่อว่าเป็นความเข้าใจผิดในการสื่อสาร ตนเองได้ตรวจสอบมาแล้วยืนยันว่านายรัฐมนตรีไม่ได้มีข้อสั่งการ รัฐบาลเองไม่ได้มีนโยบายดังกล่าวเช่นกัน ส่วนที่การประชุมร่วมกับสถานทูตจีนที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ เป็นการประชุมของทูตฝ่ายตำรวจประจำสถานทูต เพื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจีนที่จะมาไทยเท่านั้น

ขณะที่ นายรังสิมันต์  กล่าวว่า ตนได้เข้าพบ ผบ.ตร. เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าว และได้รับคำตอบว่าแนวคิดดังกล่าวจะไม่มีทางเกิดขึ้น พร้อมได้รับการยืนยันว่าทุกฝ่ายไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เพราะจะส่งผลกระทบในหลายมิติ หากเริ่มต้นนำตำรวจจีนเข้ามาในประเทศไทยได้ในวันนี้ อนาคตก็จะต้องให้ตำรวจจากชาติอื่นๆ เข้ามาด้วย และตำรวจไทยก็จะไม่มีบทบาทหน้าที่อย่างเหมาะสม

“กระแสข่าวที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิดในการสื่อสารของคนที่พูดเรื่องนี้”  นายรังสิมันต์ ย้ำและว่า หลังจากนี้ทางกรรมาธิการฯ จะทำหนังสือไปยังรัฐบาลให้ชี้แจงประเด็นดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป.