‘อีสท์ วอเตอร์’ โชว์ผลงานปี 2566 เดินหน้าธุรกิจน้ำครบวงจร
‘อีสท์ วอเตอร์’ โชว์ผลงานปี 2566 เดินหน้าธุรกิจน้ำครบวงจรแบบ คาดปี 2567 โครงข่ายท่อส่งน้ำดิบครอบคลุมพื้นที่ EEC พร้อมเผยความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำสายหลักทดแทน ท่อส่งน้ำเดิม จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในระยะเวลากันใกล้
นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ กล่าวว่า มีการขยายความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยในปี 2566 ลงนามสัญญาซื้อขายน้ำดิบ 2 โครงการ กับ บริษัท ซีจี คอร์เปอเรชั่น จำกัด ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมซีพีจีซี (CPGC) จ.ระยอง และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค เพื่อใช้ในพื้นที่โครงการวังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง รวมถึงลงนามสัญญาซื้อขายน้ำอุตสาหกรรม 2 โครงการ กับบริษัท ซิน เคอ หยวน จำกัด ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ในจังหวัดระยอง และ บริษัท อมตะ วอเตอร์ จำกัด ให้บริการน้ำอุตสาหกรรมแก่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง 2
สำหรับหุ้นกู้ EASTW ขายดีเกินคาด เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2566 ได้เสนอขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันหรือผู้ลงทุนรายใหญ่ มูลค่ารวม 2,900 ล้านบาท และมีแผนจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่ในระยะเวลาอันใกล้ตามความต้องการของนักลงทุน ซึ่งเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่ออีสท์ วอเตอร์ในฐานะผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีโครงข่ายท่อส่งน้ำในเขตพื้นที่ EEC และมีประสบการณ์ที่ยาวนาน โดยวัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ จะนำไปใช้ในโครงการระบบท่อส่งน้ำ ธุรกิจน้ำดิบ และธุรกิจน้ำอุตสาหกรรม
ถึงแม้ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กร และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันเป็นระดับ “A” พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” จากเดิมที่ระดับ “A+” และแนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” เนื่องจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ 1. ไม่สามารถต่อสัญญาเช่าระบบท่อส่งน้ำของกรมธนารักษ์ได้ 2. ลงทุนพัฒนาระบบท่อส่งน้ำทดแทนของกรมธนารักษ์
ทั้งนี้การลงทุนวางท่อส่งน้ำทดแทนเป็นสิ่งที่อีสท์ วอเตอร์มุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพท่อส่งน้ำสายหลัก ให้กลับเป็น Water Grid ที่สมบูรณ์และสามารถบรรเทาปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืนได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตที่ระดับ “A” นั้น ยังคงสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของอีสท์ วอเตอร์ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการหลักซึ่งมีโครงข่ายท่อส่งน้ำดิบครอบคลุมในเขตพื้นที่ EEC ตลอดจนกระแสเงินสดที่แน่นอน และความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่ง
ส่วนของความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำสายหลักทดแทน ท่อส่งน้ำเดิม ซึ่งการวางท่อส่งน้ำทั้ง 3 โครงการ จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในระยะเวลากันใกล้ เพื่อให้ส่งผลกระทบกับผู้ใช้น้ำของอีสท์ วอเตอร์น้อยที่สุด หากก่อสร้างแล้วเสร็จความยาวของท่อส่งน้ำสายหลักประมาณ 526 กม. ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา และยังมีแผนพัฒนาศักยภาพการสูบส่งน้ำไปยังพื้นที่อื่นๆ อีกด้วย โดยมีความคืบหน้าโครงการ ดังนี้
1.โครงการท่อส่งน้ำดิบหนองปลาไหล – หนองค้อ – แหลมฉบัง ในพื้นที่จังหวัดระยอง และจังหวัดชลบุรี สามารถรองรับการส่งน้ำได้ 350,000 ลบ/วัน มากกว่าเดิม ทำให้ส่งน้ำไปให้พื้นที่ชลบุรี ได้อย่างเพียงพอ เพื่อรองรับความต้องการน้ำที่เพิ่มขึ้นหรือในกรณีเกิดภัยแล้ง เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยังยืน ความยาวกว่า 57.1 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อกับท่อส่งน้ำสายหลักประแสร์ – หนองปลาไหลเดิมของอีสท์ วอเตอร์
2.โครงการก่อสร้างฯท่อส่งน้ำดิบคลองหลวง จังหวัดชลบุรี เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลทรมายังอ่างเก็บน้ำหนองค้อ แทนการผันน้ำผ่านคลองพานทอง ความยาวกว่า 49 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อจากท่อส่งน้ำสายหลักปลวกแดง – บ่อวิน ความคืบหน้าโครงการวางท่อแล้วเสร็จ 42 กิโลเมตร ในส่วนที่เหลืออีก 7 กิโลเมตร อยู่ระหว่างการขออนุญาตให้วางท่อในพื้นที่ของกรมธนารักษ์ ซึ่ง อีสท์ วอเตอร์พร้อมดำเนินการ
3.โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำดิบมาบตาพุต-สัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพิ่มศักยภาพในการส่งน้ำให้แก่ภาคอุปโภค บริโภค และท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ความยาวกว่า 27 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อระบบท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-มาบตาพุต เส้นที่ 2
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 อีสท์ วอเตอร์ยังคงมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำในการสร้างความมั่นคงของการจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำครบวงจรของประเทศด้วยสมาร์ทเทคโนโลยี ให้ความสำคัญกับผู้ใช้น้ำเป็นหลัก และจะสามารถสร้าง Water Grid ที่มั่นคง และแข็งแกร่งที่สุดในภาคตะวันออก รองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ EEC สร้างการเติบโต และแข็งแกร่งให้แก่พื้นที่ภาคตะวันออกอย่างยั่งยืนตลอดไป