“ภูมิธรรม” เผยยอดคนไทยเสียชีวิต อาจพุ่งถึง10 ราย กต.สั่งหารือ “ปาเลสไตน์” ช่วยคนไทย
‘ศูนย์ประสานงานฉุกเฉิน’ถกนานชั่วโมงครึ่ง ‘ภูมิธรรม’เผยยอดคนไทยเสียชีวิตอย่างเป็นทางการ 2 ราย แต่ได้รับรายงานอาจพุ่งถึง 10 ราย ด้านทูตไทยเผย‘ฉนวนกาซา’ยังปะทะรุนแรง ทางการ‘อิสราเอล’ห้ามประชาชนออกนอกบ้าน ขณะที่ กระทรวงต่างประเทศ สั่งทูตไทยในมาเลเซีย หารือ สำนักงานปาเลสไตน์ ช่วยคนไทยที่ถูกจับ
วันที่ 8 ต.ค. 2566 เวลา 15.55 น.นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เปิดเผยว่า วันนี้ (8 ต.ค.) เวลา 13.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ ห้องประชุมกรมการกงสุล เพื่อติดตามความคืบหน้าสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศอิสราเอล โดยมี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี , นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ รักษาราชการแทน รมว.ต่างประเทศ และผู้แทนหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง อาทิ สภาความมั่นคงแห่งชาติ , สำนักข่าวกรองแห่งชาติ , กระทรวงแรงงาน , กองทัพอากาศ , กระทรวงสาธารณสุข , กระทรวงคมนาคม , กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึง น.ส.พรรณภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์เพื่อสรุปสถานการณ์ในพื้นที่
นางกาญจนา กล่าวว่า น.ส.พรรณภา แจ้งว่าสถานการณ์บริเวณฉนวนกาซายังมีความรุนแรง และทางการอิสราเอลไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าพื้นที่ และไม่อนุญาตให้ประชาชนออกจากเคหะสถานเด็ดขาด อีกทั้งอินเตอร์เน็ตในพื้นที่ฉนวนกาซายังใช้การไม่ได้ จึงสามารถติดต่อแรงงานได้ผ่านทางหมายเลขโทรศัพท์เท่านั้น สำหรับคนไทยนอกพื้นที่ดังกล่าวปลอดภัยดีและยังไม่ได้รับผลกระทบ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีรายงานเบื้องต้นว่ามีคนไทยที่ได้รับบาดเจ็บ 8 คน และผู้เสียชีวิต 2 คน ที่ได้รับการยืนยันจากทางการอิสราเอล 1 คน และได้รับแจ้งจากนายจ้างว่าเสียชีวิตอีกจำนวนหนึ่ง แต่สถานเอกอัครราชทูตไทยฯอยู่ระหว่างรอยืนยันข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนกรณีของผู้ที่ถูกจับกุมไป 11 คนนั้น สถานเอกอัครราชทูตไทยฯอยู่ระหว่างประสานทางการอิสราเอล เพื่อยืนยันข้อมูลและให้การช่วยเหลือ
“กระทรวงการต่างประเทศยังได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ประสานงานกับสำนักงานปาเลสไตน์ในมาเลเซีย เพื่อแสดงความห่วงกังวลกับสถานการณ์ และให้ประสานในการปล่อยตัวคนไทย ทั้งนี้จะมีการประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อติดตามสถานการณ์รายวันต่อไป”
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉิน ติดตามสถานการณ์ในอิสราเอล นานกว่า 1 ชั่วโมง โดยระบุว่า เราได้ติดตามสถานการณ์ด้วยความห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย จึงได้มีการหารือกันเพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือคนไทยในประเทศอิสราเอลทั้งหมด เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวมีความรุนแรงถึงขั้นประกาศเป็นสงคราม ประเทศไทยและรัฐบาลไทยเราอยู่ในจุดยืนสำคัญ คือ เราเป็นกลางในสถานการณ์ความขัดแย้งนี้ และยอมรับการดำรงอยู่ของทั้ง 2 รัฐ ทั้งปาเลสไตน์และอิสราเอล เราอยากเห็น 2 ประเทศจบความขัดแย้งด้วยสันติวิธี ด้วยกันร่วมมือกันการเจรจาสันติภาพ
ทั้งนี้ แรงงานไทยที่อยู่ในประเทศอิสราเอลมีประมาณ 30,000 คน โดยอยู่ใกล้กับฉนวนกาซาที่เกิดความรุนแรง ประมาณ 5,000 คน ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตไทยยังคงเป็นศูนย์กลางในการประสานงาน แต่วันนี้เรายังออกไปไหนไม่ได้ จากการที่รัฐบาลอิสราเอลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้าน แต่เราก็ได้เตรียมการประสานงานกับภาคส่วนต่างๆล่วงหน้าไว้แล้ว เราซ้อมแผนฉุกเฉิน เพราะเชื่อว่าสถานการณ์ฉุกเฉินจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
“ระหว่างการประชุม ได้มีการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กองทัพบก กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม สภาความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ทราบว่ามีผู้เสียชีวิต อย่างเป็นทางการ 2 ราย แต่มีกระแสข่าวได้รับรายงานจากนายจ้างว่าน่าจะมีมากถึง 10 ราย ซึ่งต้องรอการยืนยันจากทางการอิสราเอลอีกครั้ง ส่วนตัวเลขของผู้ที่ถูกจับไปเป็นตัวประกันอย่างเป็นทางการตอนนี้ คือ 11 ราย ขณะที่ยอดของผู้บาดเจ็บตอนนี้มีทั้งหมด 8 คน ในจำนวนนี้มี 2 คน ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนอีก 6 คน บาดเจ็บเล็กน้อย” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวด้วยว่า ตอนนี้กองทัพอากาศได้เตรียมเครื่องบิน 6 ลำ ประกอบด้วย A340 1 ลำ และ C130 5 ลำ พร้อมเดินทางได้ทันที แต่ตอนนี้รอข้อมูลก่อน โดยให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้รวบรวมรายชื่อของคนไทยทุกคนที่อยู่ในอิสราเอล ขณะเดียวกัน ก็ให้กระทรวงการต่างประเทศ แสวงหามิตรประเทศที่รอบข้างอิสราเอล เพื่ออพยพคนไทยไปอยู่ในเขตที่ปลอดภัยก่อน ที่จะอพยพกลับมาประเทศไทย เนื่องจากคนไทยมีมากถึง 30,000 คน จะอพยพทีเดียวคงเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ฉนวนกาซาที่มีคนไทยมากถึง 5,000 คน ขออย่าเป็นกังวล
“ตอนนี้ไม่ต้องรอให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน เราพร้อมดำเนินการทันที แต่ปัญหาตอนนี้คือเป็นเรื่องของการสื่อสารที่ติดต่อได้บ้างไม่ได้บ้าง มีบางส่วนที่ยังติดต่อไม่ได้ จะเร่งดำเนินการติดต่อให้ได้โดยเร็วที่สุด ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจน ว่า ใครประสานที่จะเดินทางกลับประเทศไทยบ้าง แต่เราประเมินไว้ว่าหากสถานการณ์เลวร้าย เราก็พร้อมรับมือ หากได้รับสัญญาณเราพร้อมปฏิบัติการทันที เราได้วางจุดประสานงานไว้พอสมควรแล้ว ต้องรอให้สถานการณ์คลี่คลายอีกนิดหนึ่ง” นายภูมิธรรม กล่าว.