ยุทธศาสตร์แห่งโอกาส :  จริยธรรมการเมือง – หนุนหรือทำลายโอกาสชาติ!

แคนดิเดทนายกฯ จากเพื่อไทย “เศรษฐา ทวีสิน” จะฝ่าด่านอรหันต์ ได้รับเสียงโหวตเกินครึ่งของ “รัฐสภา” หรือไม่? ผ่านแล้วจะบริหารประเทศได้หรือเปล่า? ลำพังแรงต้านของมวลชนคนรักประชาธิปไตย และการตรวจสอบสุดเข้มข้นของฝ่ายค้าน…ก้าวไกล อาจไม่รุนแรงเทียบเท่าปม จริยธรรมในทางการเมือง จากข้อกล่าวหาของ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” หรือจะเป็นการเมือง…ที่ฉุดรั้งโอกาสของประเทศ???

การเมือง…สร้างและทำลายโอกาสของประเทศได้ในเวลาเดียวกัน!!!

การเมืองดี…คนในระบบการเมืองดี…ผู้ถืออำนาจตัวจริงดี…สถานการณ์ภายในประเทศย่อมดี แน่นอนว่า…โอกาสของประเทศก็ย่อมสดใส และดีตามไปด้วย

ทว่า “ปัจจัยบวก” ภายในประเทศ เพียงอย่างเดียว อาจยังไม่เพียงพอ…จำเป็นจะต้องอาศัย “ปัจจัยบวก” จากภายนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สถานการณ์ของโลกในด้านใด? การเมือง…เศรษฐกิจ…สังคม…สภาพแวดล้อม และอื่นๆ มาเป็น “พลังเสริม” ต่อการสร้างโอกาสดีๆ ให้ประเทศ

โลกดี แต่ไทยไม่สู้ดี = ไม่ดี, โลกไม่ดี แต่ไทยดี = ก็ไม่ดี, มันต้อง…โลกดี และไทยดี = ดีมากๆ

รอบสัปดาห์นี้…การเมืองไทยเข้าใกล้ทั้งความสำเร็จและล้มเหลว! เพราะหากรัฐสภาเลือกสรร นายกฯคนใหม่ ไม่ได้ ประเทศไทยก็จำต้องรอโอกาสในการสรรหา “ผู้นำประเทศ” กันต่อไป

ไร้… “ผู้นำประเทศ” ก็ยังจะไม่มีรัฐบาลชุดใหม่ การบริหารประเทศก็ยังคงต้องพึ่งบริการของรัฐบาลรักษาการและฝ่ายข้าราชการประจำ ตามที่กฎหมายกำหนดให้ทำได้เท่านั้น

ที่ผ่านมา…การเมืองไทย ได้ทำลายโอกาสของประเทศไปแล้วมากมาย หันดู…คนในระบบการเมือง ยิ่งเป็น กลุ่มที่ไม่ได้มาจากฐานเสียงของประชาชน ดูเหมือนจะเป็น “ตัวปัญหา” และสร้างปัญหาในระบบการเมืองของไทย มาอย่างต่อเนื่อง

4 ปีก่อนหน้านี้…คนกลุ่มนี้ อาจไม่มีปัญหากับ รัฐบาลที่ “ทำคลอด” พวกเขาและเธอมาทั้ง 250 คน หากจะมี…คงมีเฉพาะกับ กลุ่มการเมืองฝั่งตรงกันข้ามกับรัฐบาลชุดก่อน แค่นั้น

ตรงกันข้าม…ในสถานการณ์ทางการเมืองที่ดูเหมือน “สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลง” และ “กลิ่นความเจริญ” จะหอมตลบอบอวล…กระจายไปทั่วประเทศ แล้วทุกอย่างมันจะดีขึ้น โอกาสของประเทศจะเปิดกว้างไปกับนักการเมืองรุ่นใหม่…หัวก้าวหน้า

แต่ภาพความเป็นจริง! สังคมไทยได้เห็นปรากฏการณ์ “ถีบหัวส่ง” แคนดิเดทนายกฯ และผลักให้พรรคการเมืองที่ชนะอันดับ 1 ไปเป็นฝ่ายค้าน

หากเรื่องมันจบตรงที่ “พรรคก้าวไกล” ไปเป็นฝ่ายค้าน แล้ว “พรรคเพื่อไทย” สามารถจัดตั้งรัฐบาลผสมพันธุ์กับขั้วการเมืองเก่า ดันให้แคนดิเดทฯจากพรรคอันดับ 2 ได้เป็น…นายกฯคนที่ 30 โดยมีเสียงโหวตสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา…รอบเดียวจบ! สร้าง ครม.ชุดใหม่…เดินหน้าบริหารประเทศกันต่อไป

นั่นก็ยังพูดได้ไม่เต็มปากว่า…โอกาสของประเทศจะเกิดขึ้นในทันที!

เพราะไม่แน่ว่า…อดีตคนที่เคยรักและศรัทธาในพรรคการเมือง ซึ่งครั้งหนึ่ง…เคย “ยืนหนึ่ง” ในฝั่งประชาชนผู้รักประชาธิปไตย แต่ทว่า…ภาพในวันนี้ วันที่ผู้คนเคยรักและศรัทธา ได้ก่อปฏิกิริยาแค้นเคียงและชิงชังไปทั่วประเทศ จะยังปล่อยให้ นายกฯและครม.ชุดใหม่ บริหารประเทศได้ง่ายๆ หรือไม่?

ก่อนจะถึงวันนั้น…วันนี้! แคนดิเดทนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย คุณเศรษฐา ทวีสิน ที่ตัวเขาเองก็ไม่ได้เป็น ส.ส. และกำลังมีปัญหาในเรื่อง…ความชอบธรรมและจริยธรรมในทางธุรกิจ เช่นข้อกล่าวหาจาก คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ในการจัดซื้อที่ดินของบริษัทมหาชนที่ตัวเขาเคยกำกับดูแลมาก่อน

อย่าลืมว่า…เรื่องความชอบธรรมและจริยธรรมของคนที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็น นายกฯคนใหม่ ในรัฐธรรมนูญปี 2560 (มาตรา 219) นั้น มีความสำคัญในระดับที่สูงมาก! ถึงขั้น…เจียนอยู่เจียนไปได้เลย

สิ่งที่ คุณชูวิทย์ กล่าวหา…คงต้องไปพิสูจน์กันในประเด็นข้อกฎหมาย แต่กับเรื่องความชอบธรรมและจริยธรรมแล้ว ดูเหมือนสิ่งนี้…อาจสร้างปัญหาอย่างรุนแรง ทั้งต่อตัว คุณเศรษฐา และพรรคเพื่อไทยเอง อย่างมาก

ยิ่งกระแสเสียงของ ส.ว. บางคน? ที่เรียกร้องให้ คุณเศรษฐา ไปแสดงวิสัยทัศน์ของว่าที่นายกฯคนที่ 30 พร้อมกับชี้แจงในทุกข้อสงสัยที่อาจเกี่ยวพันไปถึงความชอบธรรมและจริยธรรม ตามที่ถูกกล่าวหา…ในรัฐสภา ในวันโหวตเลือกนายกฯ ด้วยแล้ว

เรื่องนี้ใหญ่มาก! อย่างที่ได้เกริ่นเอาไว้ คุณเศรษฐา ไม่ได้เป็น ส.ส. จึงมิใช่สมาชิกรัฐสภา และไม่อาจจะเดินเข้านอกออกใน “ห้องประชุมรัฐสภา” ได้ตามอำเภอใจ ขนาดตัว ประธานรัฐสภา เอง ยังไม่สามารถจะอนุญาตให้คนนอก…เข้ามาแสดงวิสัยทัศน์หรือชี้แจงใดๆ ได้

คุณเศรษฐาจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาเกินกว่ากึ่งนึง ถึงจะเข้ามาแสดงวิสัยทัศน์ในความเป็นว่าที่นายกฯคนที่ 30 ได้ แต่ก็ได้แค่นั้น…คงไม่อาจชี้แจงในทุกข้อสงสัย ตามข้อกล่าวหาของ คุณชูวิทย์

ถึงได้ย้ำว่า…การเมืองมักจะสร้างปัญหาต่อโอกาสของประเทศไทย ก็ด้วยเหตุผลข้างต้นที่กล่าวมาทั้งหมด

แม้วันหน้า…คุณเศรษฐา อาจผ่านด่านอรหันต์ได้เป็น นายกฯคนที่ 30 โดยไม่ต้องเดินทางมาแสดงวิสัยทัศน์ สิ่งที่จ่อรอวันทำลาย ยังคงเป็น 2 ประเด็นหลัก…หนึ่ง แรงต้านจากสังคมไทย และ สอง มาตรา 219 ว่าด้วยจริยธรรมของคนที่เป็นผู้นำประเทศ อาจย้อนหลังกลับมาทำลายในวันข้างหน้าได้…

ยังไม่นับรวม…การทำหน้าที่ของ ฝ่ายค้าน “พรรคก้าวไกล” ที่ประกาศชัด! จะขอตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล แบบละเอียดยิบและเข้มข้น! จนทำงานกันได้ไม่ง่ายๆ

ก็น่าสงสารประเทศนี้นะครับ…อุตส่าห์เดินหน้าได้ 3 ก้าว ก็ต้องถอยหลังกลับมาอีก 2 ก้าว

สรุป! เดินหน้าประเทศไทย 5 ก้าว ได้เพียงก้าวเดียว เท่านั้น!!!.

สุเมธ จันสุตะ

email : schansuta@gmail.com

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password