ได้มาอีก10! พท. จับมือ ชทพ.ร่วมรบ. รวม 238 เสียง ยังขาดอีกอื้อ /ก.ก. เย้ย ยังไม่คิดโหวตให้
‘หมอชลน่าน’ พร้อมแกนนำ ‘เพื่อไทย’ แถลงข่าวร่วม ‘ชาติไทยพัฒนา’ จัดตั้งรัฐบาล รวมเสียงแล้ว 238 เสียง ต้องหาเพิ่มอีก 136 เสียง ด้าน “ไอติม” ยัน ก้าวไกล ยังไม่ได้นัดหารือเพื่อโหวตให้ เพื่อไทยหรือไม่
วันที่ 10 ส.ค 66 เวลา 09.30น.ที่อาคารรัฐสภา แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ได้พูดคุยหารือแนวทางการร่วมรัฐบาล ร่วมกับนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค นายนิกร จำนง ผอ.พรรค จากนั้นเวลา 10.00 น.นพ.ชลน่าน และ นายวราวุธ พร้อมแกนนำทั้งสองพรรค ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ที่จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ที่มีเสียงอยู่ 10 เสียง
หลังจากนั้น นพ.ชลน่าน ได้อ่านแถลงการณ์ของทั้งสองพรรค ระบุว่า พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาลเพิ่มเติมในวันนี้ โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคชาติไทยพัฒนา ขอขอบคุณท่านหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา สถานการณ์ของประเทศวันนี้ มี 3 วิกฤตสําคัญ คือ 1.วิกฤตรัฐธรรมนูญ 2.วิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน 3.วิกฤตความขัดแย้งในสังคม
พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนาจะจับมือกันคลี่คลายปัญหาของประเทศในครั้งนี้โดยดึงการมีส่วนร่วมของทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกพรรค ทุกฝ่าย ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองต่างๆ และสมาชิกวุฒิสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลให้สําเร็จสามารถบริหารประเทศนําไปสู่การเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว การประวิงเวลาออกไปยิ่งทําให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น
เรายืนยันจะทํางานการเมืองอย่างสร้างสรรค์โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษดังนั้น การที่จะแก้วิกฤตครั้งนี้ได้ จําเป็นต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย เพื่อนํารัฐธรรมนูญออกจากวิกฤตเพื่อนําประชาชนให้พ้นทุกข์ เพื่อสร้างความสามัคคี สมานฉันท์โดยถือเป็นวาระประเทศที่สําคัญอย่างสูงสุด เราอยากขอวิงวอนให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในพรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนในครั้งนี้ เราจะช่วยกันฝ่าวิกฤตเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนทุกคนเราหวังจะเห็นความสามัคคีของทุกคน
โดยก่อนหน้านี้ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้แถลงข่าวเปิดตัวพรรคการเมืองที่จะเข้าร่วมรัฐบาลเพิ่มเติมอีก 6 พรรค ประกอบด้วย 1.ประชาชาติ 9 เสียง 2. เพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง 3.ชาติพัฒนากล้า 2 เสียง 4.เสรีรวมไทย 1 เสียง 5.พลังสังคมใหม่ 1 เสียง 6.ท้องที่ไทย 1 เสียง
รวมแล้วพรรคเพื่อไทยขณะนี้ รวมเสียงตั้งรัฐบาลรัฐบาลได้ขณะนี้ 238 เสียง ซึ่งต้องได้เกินกึ่งหนึ่ง คือ 374 เสียงเพื่อใช้ในการโหวตแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย ซึ่งทำให้พรรคเพื่อไทยต้องหาเสียงเพิ่มอีก 136 เสียง ขณะเดียวกัน ถ้าเพื่อไทยได้มีการพูดคุยกับก้าวไกล ซึ่งมีคะแนนเสียง 151 เสียง
เพื่อขอเสียงสนับสนุนโหวตแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย แต่ยังไม่มีความชัดเจนออกมา ส่วนพรรค 2 ลุงทั้งพลังประชารัฐ(พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) คาดว่าอาจจะมีสส.บางกลุ่มยกมือโหวตให้แคนดิเดตนายกฯจากพรรคเพื่อไทยด้วย.
ด้าน “ไอติม” หรือ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวที่ รัฐสภา ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่า จะมีการพูดคุยกับพรรค ก.ก. เพื่อขอโทษและขอให้สมาชิกโหวตแคนดิเดตนายกฯ จากพรรค พท. ว่า เป็นข้อมูลที่ตนเพิ่งทราบ ตนไม่ได้ทราบมาก่อน แต่ท่าทีและจุดยืนของพรรค ก.ก. ต้องให้ผู้เจรจาที่มีข้อมูลครบถ้วนมาชี้แจง ส่วนในที่ประชุมพรรคเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น ไม่ได้มีการพูดคุย ไม่มีการพูดคุยถึงการโหวตนายกฯ เพียงแค่เป็นการประชุมระเบียบวาระที่จะเข้าสู่ที่ประชุมสภา รวมถึงหารือเรื่องกฎหมายเปลี่ยนประเทศทั้ง 3 ชุดที่ได้ยื่นวันนี้
ต่อข้อถามว่า ส่วนตัวแล้วถ้าพรรค พท.เข้ามาขอโทษ ทางนายพริษฐ์เองจะรู้สึกดีขึ้นหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ส่วนตัวตนไม่ได้แทรกแซง แต่จุดยืนของพรรคชัดเจนกว่า และ เมื่อถามว่า ภายในพรรคได้มีการพูดคุยถึงตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 ของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่จะต้องลาออกหากพรรค ก.ก. เป็นฝ่ายค้าน นายพริษฐ์กล่าวว่า เราอย่าเพิ่งไปด่วนสรุปตรงนั้น จนคิดว่าเรื่องของข้อกฎหมายที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเราทราบกันดีอยู่แล้ว ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยเมื่อถึงวันนั้นอีกที และอย่างไรก็ต้องรอดูท่าทีที่ชัดเจน ว่ารัฐบาลใหม่เป็นรัฐบาล ที่ประกอบไปด้วยพรรคอะไรบ้าง ซึ่งการดำรงตำแหน่งรองประธานสภาก็จะมีความชัดเจนตรงนั้น
เมื่อถามว่า คิดอย่างไรที่ พรรค พท. ระบุว่ามีการสลายขั้วทั้งหมด นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าจุดยืนของพรรค ก.ก. ชัดเจนมาตลอด ว่าผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ได้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของประชาชน ส่วนใหญ่ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงจึงแปลงมาเป็นคะแนนสนับสนุน 8 พรรคการเมืองที่เซ็นเอ็มโอยูร่วมกัน ฉะนั้นเราเชื่อว่าพันธมิตรจาก 8 พรรคเดิม เป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ