แก๊งบิ๊กค้าเนื้อหมูเถื่อน! กร่อย – กรมศุลฯสั่งขึ้นบัญชีดำแล้ว
กรมศุลกากรขึ้น “แบล็กลิสต์” กลุ่มผู้ค้าหมูรายใหญ่แล้ว หลังพบความผิดปกติในการเคลื่อนย้ายและนำเข้าในปริมาณมาก เผย! หากไร้ใบอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ ไม่มีทางจะเคลื่อนย้ายเนื้อหมูขายต่อในประเทศได้แน่!
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวถึงปัญหาการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูแช่แข็งในปัจจุบันว่า หลังจากที่กรมศุลกากรได้ปฏิบัติการเชิงรุกจับกุมการลักลอบนำเข้า และ/หรือ สำแดงการนำเข้าที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงโดยอ้างเป็นการนำเข้าอาหารแช่แข็งนับแต่กลางปี 2565 ทำให้ทุกวันนี้ ไม่มีการลักลอบนำเข้าในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นแต่อย่างใด เห็นได้จากราคาจำหน่ายเนื้อหมูในปัจจุบันที่ขยับมาอยู่ในระดับราคาปกติที่ 160-180 บาทต่อ ก.ก. จากเดิมที่เมื่อมีการลักลอบนำเข้ามาเป็นจำนวนมาก ระดับราคาตกมาเหลืออยู่ที่ 80-90 บาทต่อ ก.ก. ซึ่งเนื้อหมูที่แอบลักลอบนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศ ไม่มีการตรวจสอบในเรื่องคุณสมบัติและมาตรฐานคุณภาพ อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้
ทั้งนี้ จากข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ โดยเฉพาะการจับกุมและอายัดเนื้อหมูแช่แข็งรวมกันราว 4.5 ล้านตันในช่วงที่ผ่านมานั้น ทำให้กรมศุลกากรได้ทำการขึ้น “บัญชีดำ” (แบล็กลิสต์) กับกลุ่มผู้นำเข้าที่พบว่ามีปริมาณการนำเข้าแต่ละครั้งมากผิดปกติ ราว 200-300 ตู้ และได้สำแดงการนำเข้าว่าเป็นอาหารแช่แข็ง ทั้งที่ควรจะต้องระบุให้ชัดเจนว่าเป็นเนื้อหมูแช่แข็ง สะท้อนเจตนารมณ์ที่ต้องการปกปิดข้อเท็จจริง เบื้องต้นได้ “บัญชีดำ” ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ไปบ้างแล้ว และส่วนใหญ่เป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปกติการเข้าตรวจสอบและอายัดเนื้อหมูแช่แข็งนั้น เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะดำเนินการไปพร้อมกับหน่วยงานปราบปรามอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรมปศุสัตว์ กระทรวงพาณิชย์ ตัวแทนจากหน่วยงานด้านสาธารณสุข เป็นต้น ซึ่งเจ้าหน้าที่จากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ สามารถจะเข้าไปดำเนินการตรวจสอบตู้สินค้าเนื้อหมูแช่แข็งในเดือนละ 1 ครั้งในช่วงของอายัดสินค้า แต่สำหรับเจ้าหน้าที่จากกรมปศุสัตว์แล้ว สามารถจะเข้าไปตรวจสอบได้ตลอดเวลา ขณะเดียวกัน การจะอนุญาตให้มีการเคลื่อนย้ายเนื้อหมูแช่แข็งในทุกๆ ครั้งนี้ ก็จะต้องมีหนังสือรับรองจากกรมปศุสัตว์ ซึ่งการนำเข้าเพื่อนำมาจำหน่ายในประเทศครั้งนี้ ยังไม่มีคำตอบจากกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึงหนังสือรับรองดังกล่าวว่าเป็นการออกมาจากกรมปศุสัตว์ฯ หรือมีการปลอมแปลงเอกสารดังกล่าว แต่อย่างใด.