‘พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์’ อดีตหน.ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศรภ.พลิกหน้าประวัติศาสตร์ มีนายกฯไทยกี่คนที่ต้องหลบหนีไปอยู่ ตปท. พร้อมให้จับตา หลังเลือกตั้ง ใครจะเป็นคนต่อไป

วันที่ 15 มี.ค.66 พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อเรื่อง ” มี นรม.ไทย กี่คนที่ต้องหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ “ โดยระบุว่า

หลังจาก ในหลวง ร.10 ได้ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาลงมาแล้ว ลุงตู่ ก็จะลงนามสนองพระบรมราชโองการ และเมื่อประกาศลงในพระราชกิจจานุเบกษา การยุบสภาฯ
ก็เกิดขึ้นในวันนั้น ซึ่งน่าจะภายใน 7 วันนี้

การเลือกตั้งทั่วไปเพื่อเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ และคัดสรรนายกรัฐมนตรีแทนคนเก่า ก็จะเกิดขึ้นภายในเวลาไม่น้อยกว่า 45 วัน และต้องไม่เกิน 60 วัน จึงทำให้คิดได้ว่า ประเทศไทยเรามีนายกฯถึง 8 คน ที่ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศซึ่งสรุปได้ว่ามาจาก 2 สาเหตุ ดังนี้

1 กลุ่มนายกฯที่มีสาเหตุมาจาก“ปัญหาทางการเมือง“ ต้องหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ ซึ่งมีอยู่ 6 คน คือ

(1) พระยามโนปกรณ์นิติธาดา ไปอยู่ที่ปีนัง และถึงแก่อสัญกรรมที่นั่น
(2) นาย ปรีดี พนมยงค์ หนีไปอยู่สิงคโปร์ จีน และถึงแก่อสัญกรรมที่ ฝรั่งเศส
(3) พล.ร.ต. ถวัลย์ ธำรงค์นาวาสวัสดิ์ หนีไปอยู่ฮ่องกง และได้เดินทางกลับมาอยู่ในไทย จนถึงแก่อสัญกรรม
(4) จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม ไปกัมพูชา และไปอยู่ญี่ปุ่น จนถึงแก่อสัญกรรม
(5) จอมพล ถนอม กิตติขจร ออกไปอยู่ที่บอสตัน สหรัฐฯ แล้วก็กลับมาพำนักอยู่ในประเทศไทย
(6) พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ไปพำนักอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ระยะหนึ่ง แล้วก็กลับมาอยู่ในไทย

2 นายกรัฐมนตรี ที่มีปัญหามาจาก “การหลบหนีคดีอาญา”ไปอยู่ต่างประเทศเอง โดยไม่มีใครบังคับ มี 2 คน คือ

(1) นาย ทักษิณ ชินวัตร หนีออกนอกประเทศจากคดีทุจริตหลายเรื่อง โดย ขออนุญาตศาลว่า จะไปร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค ที่ กรุงปักกิ่ง พำนักอยู่ที่ กรุงดูไบ จนถึงปัจจุบันนี้

(2) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีออกจากประเทศไทย หลังจากต่อสู้คดีในศาล กรณีปล่อยให้เกิดการทุจริตจำนำข้าว มา 2 ปี 4 เดือน ในวันที่ศาลนัดฟังคำพิพากษา จึงได้หลบหนีไปยังกัมพูชาเมื่อ 26ส.ค.60 หลัง พล.อ.ปรระยุทธ ขึ้นมาเป็นนายกฯแล้ว เกือบ3ปี จากนั้น ได้เดินทาง ต่อไปที่ สิงค์โปร์ อังกฤษ และ ดูไบ

ก็น่าติดตามดูว่า จะมีนายกรัฐมนตรีคนไหน ที่จะต้องเดินทางไปอยู่ต่างประเทศเพราะเรื่องทุจริต หรือจากปัญหาทางการเมืองอีก.