ภูมิใจไทย ชู! ‘ระบบความมั่นคง’

พรรคสีน้ำเงิน “ภูมิใจไทย” ขยับบทบาทสู่พรรคที่เสนอ “ระบบความมั่นคงของชีวิตคนไทย” ครอบคลุมตั้งแต่ปากท้อง ความปลอดภัย ไปจนถึงอธิปไตยของประเทศ “หน.อนุทิน” ย้ำชัด! รัฐต้องทำให้ประชาชน “ไม่กลัว ไม่หวั่นไหว และเดินต่อไปได้” ในโลกที่ผันผวนและอันตราย!
ยิ่งใกล้รอยต่อ “เทศกาล…ส่งท้ายปีเก่า 2568 ต้อนรับปีใหม่ 2569” สงครามการเมือง! ก็ยิ่งจะทวีความเร้าใจมากขึ้น!!!
“ทีมข่าวยุทธศาสตร์” หยิบยก แนวนโยบาย…แนวคิด และแนวทางการทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ของ “2 พรรคใหญ่” ที่อยู่ในข่าย…มีโอกาสเป็น “แกนนำ” จัดตั้งรัฐบาล หรืออาจรวมร่างเป็น “รัฐบาลใหม่”
พรรคเพื่อไทย เน้นออกแบบ ‘ระบบเศรษฐกิจ กับแนวคิด “เร่งเครื่องเศรษฐกิจ” ขณะที่ พรรคประชาชน มุ่งแนวทางการออกแบบ หวังจะเปลี่ยน “ระบบประเทศ”
รอบนี้…หันสำรวจ พรรคภูมิใจไทย ที่ชูสโลแกน “พูดแล้วทำพลัส” นำสู่…การออกแบบนโยบาย ภายใต้กรอบการสร้าง “ระบบความมั่นคง” ของชีวิตคนไทย!!??
การแถลงนโยบายล่าสุด! ไม่ได้เป็นเพียงการ “เปิดตัว” ชุดนโยบายเลือกตั้ง หากแต่สะท้อนความพยายามกำหนด “บทบาทใหม่” ทางการเมืองของพรรคฯอย่างเป็นระบบ?
จาก…พรรคที่เชี่ยวชาญการบริหารเชิงปฏิบัติการ สู่พรรคที่เสนอ “กรอบความคิด” เชิงโครงสร้าง! ต่อการบริหารประเทศ โดยมีแกนกลางอยู่ที่คำว่า…
“ความมั่นคงของชีวิตประชาชน!!??”
นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวในฐานะ “หัวหน้าพรรคฯ” และ “เบอร์ 1” แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ของพรรคฯ บนเวทีอย่างชัดเจนว่า…
“สิ่งที่ผมไม่อยากให้คนไทยต้องกังวลเลย คืออย่ากลัวเสียอธิปไตยของประเทศ และอย่ากลัวว่าจะไม่มีใครปกป้องชีวิตของท่าน รัฐบาลมีหน้าที่ทำให้ความกลัวเหล่านั้นเปลี่ยนเป็นความมั่นคง มั่งคั่ง และความเชื่อมั่น”
คำพูดนี้! สะท้อนกรอบคิดสำคัญ ของ พรรคภูมิใจไทย ที่ว่า…ความมั่นคงไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่คือความรู้สึกปลอดภัยที่ประชาชนต้องสัมผัสได้จริงในชีวิตประจำวัน
เมื่อพิจารณา…นโยบายในภาพรวม จะเห็นว่า…พรรคสีน้ำเงิน กำลังออกแบบ “ระบบความมั่นคงแบบไทยๆ” ที่จับต้องได้
นโยบายด้านเศรษฐกิจ อย่าง…คนละครึ่งพลัส, การควบคุมค่าไฟฟ้า และการสนับสนุนโซลาร์เซลล์ครัวเรือน ถูกวางบทบาทเป็น “เครื่องมือสำคัญ” ในการ…ลดต้นทุนชีวิต มากกว่า…การกระตุ้นเศรษฐกิจ เชิงตัวเลขเพียงอย่างเดียว!
นายอนุทิน ย้ำว่า “ภูมิใจไทยไม่พูดในสิ่งที่ทำไม่ได้ เราพูดในสิ่งที่ทำได้ และต้องทำได้เลย ถ้าทำไม่ได้ เราไม่พูด” ซึ่งเป็นการ “ผูกคำสัญญา” ทางการเมืองเข้ากับความน่าเชื่อถือเชิงการบริหาร
ใน มิติความปลอดภัย พรรคภูมิใจไทย ให้ความสำคัญกับการ…ปกป้องประชาชนจากภัยคุกคามรูปแบบใหม่!!!
ทั้งปัญหา…ยาเสพติด, อาชญากรรมข้ามชาติ, พนันออนไลน์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวอย่างหนักแน่นว่า…“รั้วที่เราจะสร้าง ไม่ใช่รั้วแบ่งคน แต่เป็นรั้วของชาติ เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทุกคน และพรรคภูมิใจไทยไม่เอาสีเทา ไม่เอาอาชญากรรมทุกรูปแบบ”
ถ้อยคำนี้ ทำให้ “แนวคิด” ด้านความมั่นคงของพรรคฯ ขยายจากเรื่องรัฐ ไปสู่…ความสงบปลอดภัยในระดับชุมชนและครัวเรือน!!??
ด้านอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ นายอนุทิน กล่าวถึง บทบาทรัฐบาล ว่า…“ประเทศไทยต้องเป็นที่ยำเกรงของผู้ที่คิดร้ายต่อประเทศ ใครคิดว่าไทยต้องยอมทุกอย่าง ต้องกลับไปเปิดตำราใหม่ เพราะต่อจากนี้ ประเทศไทยต้องแข็งแกร่งกว่านี้”
แนวคิดดังกล่าว ถูกแปลงเป็น “ข้อเสนอเชิงนโยบาย” อย่าง…การเปิดรับทหารอาสา 100,000 นาย เพื่อเสริมกำลังพลด้วยความสมัครใจและศักดิ์ศรี มากกว่าการพึ่งพาการบังคับแบบเดิม
ในมิติทางสังคม พรรคภูมิใจไทย เน้นความมั่นคงในช่วงปลายชีวิต ผ่านการ “ยกระดับ” บทบาท อสม. และการสร้างระบบพยาบาลอาสาเพื่อรองรับสังคมสูงวัย โดย นายอนุทิน กล่าวว่า…“รัฐต้องทำให้ประชาชนมั่นใจว่า แก่ไปแล้วจะไม่ถูกทิ้ง และลูกหลานไม่จำเป็นต้องทิ้งบ้านเกิดเพื่อดูแลครอบครัว”
คำกล่าวข้างต้น ได้สะท้อน…การออกแบบความมั่นคงทางสังคม ที่ผูกโยง สวัสดิการ การจ้างงาน และความเข้มแข็งของชุมชนเข้าด้วยกัน
เมื่อมอง ในเชิงยุทธศาสตร์การเมือง พรรคภูมิใจไทย เลือกยืนบนพื้นที่ของความมี “เสถียรภาพ” และ “การคุ้มครองชีวิตประชาชน”
แม้ไม่ได้เสนอการ “รื้อระบบทั้งชุด!” แต่ได้ได้ตั้งคำถามที่น่าสนใจว่า…ภายใต้โลกที่ผันผวนและเต็มไปด้วยความเสี่ยง รัฐควรทำอย่างไรให้ประชาชนอยู่รอด ปลอดภัย และไม่หวั่นไหวต่ออนาคต
อีกทั้ง นายอนุทิน ยังได้กล่าวทิ้งท้ายบนเวทีว่า…พรรคฯผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้ว และวันนี้ “ไม่ใช่เด็กละอ่อนอีกต่อไป” พร้อมรับความคาดหวังในระดับที่สูงขึ้น
ท้ายที่สุด! การเลือกตั้งครั้งนี้…คนไทย ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง! จึงไม่ได้ยืนอยู่บน “เส้นแบ่ง” ของการตัดสินใจ “เลือก”ระหว่าง “อุดมการณ์” หรือ “คำสัญญา” โดยเฉพาะจากคำพูดและท่าทีข้างต้นทั้งหมดของ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ได้ประกาศชัดว่า…นี่คือพื้นที่ที่พรรคเลือกยืน และพร้อมยืนให้มั่น
หากแต่เป็นการตัดสินใจว่า…ประเทศไทยควรมีพรรคการเมืองที่ทำหน้าที่ออกแบบ “ระบบความมั่นคงของชีวิตคนไทย” อย่างจริงจังหรือไม่? อย่างไร? มากกว่า!!!.






