‘DIP – สถาบันอาหาร’ ดันทรัพย์สินทางปัญญาปั้นนวัตกรรมอาหารมูลค่าสูงสู่ตลาดโลก

กรมทรัพย์สินทางปัญญา จับมือ สถาบันอาหาร ลงนาม MOU เชิงยุทธศาสตร์ ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นกลไกหลักยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทย จากการผลิตเชิงปริมาณสู่การสร้างนวัตกรรมอาหารมูลค่าสูง เสริมศักยภาพ SMEs และผลักดันคนไทยเป็นเจ้าของนวัตกรรมที่ตลาดโลกต้องการอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2568 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา(DIP) กระทรวงพาณิชย์ และนางสาวไปยดา หาญชัยสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อบูรณาการความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ด้านนวัตกรรมอาหารและทรัพย์สินทางปัญญา มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดสากลได้อย่างยั่งยืน พร้อมสนับสนุนให้คนไทยเป็นเจ้าของนวัตกรรมอาหารที่ตลาดโลกต้องการ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า แนวโน้มการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารในปัจจุบันและอนาคต มุ่งสู่การสร้างนวัตกรรมอาหารมูลค่าสูง เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ คุณภาพชีวิต และความยั่งยืน โดยเฉพาะกลุ่มนวัตกรรมอาหารเสริมสุขภาพ อาหารทางเลือก และอาหารจากพืช ซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารไทยไปสู่ทิศทางดังกล่าว จำเป็นต้องอาศัยทรัพย์สินทางปัญญาเป็นกลไกสำคัญในการคุ้มครองนวัตกรรม สร้างความแตกต่างทางการแข่งขัน และเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารไทย โดยเฉพาะ SMEs ให้สามารถขยายตลาดและยืนหยัดในเวทีสากลได้อย่างยั่งยืน

ในโอกาสนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญาและสถาบันอาหารจึงได้ลงนาม MOU ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ด้านนวัตกรรมอาหารและทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการผนึกกำลังร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม ในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของไทยให้เติบโตบนฐานนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา โดยใช้ต้นทุนความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศเป็นจุดแข็ง สร้างผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพสูงที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก พร้อมปรับมุมมองแนวคิดของภาคอุตสาหกรรม จากการผลิตเชิงปริมาณเพื่อจำหน่ายวัตถุดิบ สู่การวิจัยพัฒนาเพื่อสร้างสิทธิบัตรนวัตกรรมอาหารที่มีมูลค่าสูง และผลักดันให้คนไทยเป็นเจ้าของนวัตกรรมอาหารที่ตลาดโลกต้องการ

ภายใต้ MOU ดังกล่าว ทั้งสองหน่วยงานจะบูรณาการการทำงานร่วมกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ครอบคลุมกรอบความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ 5 ด้านสำคัญ ได้แก่ (1) การส่งเสริมและพัฒนานวัตกรรมอาหารที่เชื่อมโยงกับทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเพิ่มมูลค่าและขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอาหารของประเทศ (2) การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ข้อมูลทางวิชาการ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองการบริหารจัดการ และการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาในธุรกิจอาหาร (3) การพัฒนาและยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการและบุคลากรในอุตสาหกรรมอาหาร ผ่านการอบรม สัมมนา หรือกิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และทรัพย์สินทางปัญญา (4) การส่งเสริมการคุ้มครอง และการนำทรัพย์สินทางปัญญาไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหาร และ (5) การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันวิจัย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมอาหารของประเทศ

ด้าน นางสาวไปยดา หาญชัยสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวเสริมว่า สถาบันอาหารพร้อมเดินหน้าประสานความร่วมมือกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาอย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันการดำเนินงานภายใต้ MOU ให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม โดยสถาบันอาหารมีความเชี่ยวชาญด้านวิชาการ การวิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ และมาตรฐานอาหาร พร้อมทั้งมีเครือข่ายบุคลากรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารที่มีศักยภาพจำนวนมาก ขณะที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทโดยตรงในการให้ความคุ้มครองและส่งเสริมการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์ ทั้งสองหน่วยงานจึงสามารถบูรณาการองค์ความรู้ เทคโนโลยี และเครื่องมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกันอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยเสริมพลังการสร้างนวัตกรรมอาหารไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวได้เริ่มขับเคลื่อนในทางปฏิบัติทันที ผ่านการเสริมศักยภาพนักนวัตกรรมอาหารให้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาอย่างถูกต้อง โดยระหว่างวันที่ 23 – 24 ธันวาคม 2568 กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้จัดทีมผู้เชี่ยวชาญถ่ายทอดความรู้ด้านทรัพย์สินทางปัญญาในมิติต่างๆ ให้แก่บุคลากรของสถาบันอาหารและผู้ประกอบการในเครือข่าย ครอบคลุมความรู้พื้นฐานด้านทรัพย์สินทางปัญญา การบริหารจัดการสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเป็นระบบ เทคนิคการสืบค้นข้อมูลสิทธิบัตร อนุสิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้า รวมถึงแนวทางการยกร่างคำขอและการยื่นจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IPAC) ของกรมฯ ให้การสนับสนุนข้อมูลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความพร้อมในการดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างมั่นใจ.






