บสย. รวมพลัง Town Hall เร่งยกระดับกลไกค้ำประกัน เดินหน้าช่วย SMEs ฝ่าวิกฤตสินเชื่อ

บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม จัดประชุม Town Hall พนักงานทั่วประเทศ ตอกย้ำภารกิจหนุน SMEs เข้าถึงสินเชื่อ เร่งขับเคลื่อนมาตรการค้ำประกัน “Quick Big Win” วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท รับมือสินเชื่อ SMEs ติดลบยาว พร้อมยกระดับองค์กรสู่กลไกหลักพยุงเศรษฐกิจปี 2569

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า การประชุม Town Hall Meeting ครั้งที่ 3/2568 มุ่งสื่อสารและตอกย้ำภารกิจการช่วยเหลือ SMEs ในด้านต่างๆ โดยเชิญชวนผู้บริหารทุกระดับและเพื่อนพนักงานทุกคนร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ พร้อมผนึกกำลังยกระดับองค์กร โดยเฉพาะการยกระดับ “กลไกค้ำประกันสินเชื่อ” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือ SMEs ในประเทศไทย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

พร้อมกันนี้ ยังได้รวมใจพนักงานทุกคนร่วมขับเคลื่อนยอดค้ำประกันสินเชื่อตลอดปี 2569 เพื่อช่วย SMEs ทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากขึ้น พร้อมปรับตัวเพื่อรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลง ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ผันผวน เทคโนโลยี และปัจจัยด้านอื่นๆ ที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสถานการณ์ที่ SMEs เข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบ จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้ชัดถึงสินเชื่อ SMEs ที่ติดลบติดต่อกันถึง 13 ไตรมาสที่ผ่านมา จากปัญหาดังกล่าว ปัจจุบัน บสย. มี “มาตรการพิเศษ” เพื่อกระตุ้นให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ ล่าสุดได้เปิดตัว มาตรการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. Quick Big Win” วงเงินค้ำประกัน 50,000 ล้านบาท โดยมี 4 จุดเด่น คือ 1. ฟรี! ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก มุ่งลดภาระทางการเงินให้ SMEs 2. ชำระค่าธรรมเนียมต่ำ เริ่มต้นเพียง 1% ต่อปี ตามวงเงินคงเหลือในปีที่ 4 และ 3. คิดค่าธรรมเนียมตามระดับความเสี่ยง (RBP) โดยใช้ บสย. Credit Scoring 4. ชดเชย NPL ในอัตราสูง (Max Claim) กระตุ้นการปล่อยสินเชื่อให้ SMEs มากยิ่งขึ้น 

ประกอบด้วย 3 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Quick LG วงเงินค้ำประกัน 5,000 ล้านบาท ค้ำประกันต่อราย 1 แสนบาท -100 ล้านบาท ตอบโจทย์ SMEs ที่ต้องใช้หนังสือค้ำประกัน เช่น ผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคธุรกิจ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Go Big วงเงินค้ำประกัน 35,000 ล้านบาท ค้ำประกันต่อราย 2 แสนบาท – 40 ล้านบาท ตอบโจทย์ SMEs ทั่วไป และธุรกิจซัพพลายเชนที่ต้องการสินเชื่อเกิน 1 ล้านบาท และ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Smart Win วงเงินค้ำประกัน 10,000 ล้านบาท ค้ำประกันต่อราย 1 หมื่นบาท – 1 ล้านบาท ตอบโจทย์รายย่อย Micro SMEs ต้องการสินเชื่อไม่เกิน 1 ล้านบาท เฉพาะโครงการนี้ บสย. ได้นำ Credit Scoring Model และ Risk-based Pricing (RBP) มาใช้ประเมินความเสี่ยงลูกค้า เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และเพิ่มอัตราอนุมัติสินเชื่อ SMEs ที่มีความเสี่ยงที่ยอมรับได้มากขึ้น

ผลงานการช่วยเหลือ SMEs ในช่วง 11 เดือนของปี 2568 บสย. มียอดค้ำประกันสินเชื่อ 35,781 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการค้ำประกันสินเชื่อ ดำเนินการโดย บสย. 51% และ โครงการตามมาตรการรัฐ 49% ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน 46,635 ล้านบาท ช่วย SMEs ได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้น 45,337 ราย สามารถรักษาการจ้างงาน 467,249 ตำแหน่ง และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการค้ำประกันได้มากกว่า 147,776 ล้านบาท นอกจากนี้ บสย. ยังประสบความสำเร็จในการช่วยลูกหนี้ที่ถูกจ่ายเคลม ผ่านมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” ตั้งแต่ออกมาตรการในปี 2565 ถึงปัจจุบัน สามารถช่วยลูกหนี้ไปแล้วถึง 23,664 ราย คิดเป็นมูลหนี้สะสม 15,439 ล้านบาท (เฉพาะ ม.ค. – พ.ย. 2568 ปรับโครงสร้างหนี้ 5,250 ราย คิดเป็นมูลหนี้ 3,588 ล้านบาท) และช่วยลูกหนี้ “ปลดหนี้” 882 ราย เกือบ 50% เป็นกลุ่มเปราะบาง หนี้คงเหลือไม่เกิน 2 แสนบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 34 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้ง บสย.

นายสิทธิกร กล่าวว่า ความท้าทายของ บสย. จากนี้ คือการเร่งยกระดับองค์กรในด้านต่างๆ ต่อเนื่อง เพิ่มศักยภาพในการช่วยเหลือ SMEs และเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ โดยทิศทางในปี 2569 ชู 4 กลยุทธ์หลัก เพื่อพลิกโฉมการช่วยเหลือ SMEs ในประเทศไทย ประกอบด้วย 

1. บูรณาการข้อมูล TCG Score ของ บสย. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามนโยบายกระทรวงการคลัง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ SMEs รายย่อย ที่มีปัญหาในการเข้าถึงสินเชื่อ สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ง่ายขึ้น และมีต้นทุนทางการเงินสอดคล้องกับระดับความเสี่ยง

2. ยกระดับสำนักงานเขต บสย. 11 แห่งทั่วประเทศ สู่ “ศูนย์กลางทางการเงิน” (Digital Branch in Branch) เชื่อมต่อกับสถาบันการเงินผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยพัฒนาระบบแอพพลิเคชั่น นำข้อมูล SMEs ที่มารับคำปรึกษาผ่านสำนักงานเขต และ LINE OA : @tcgfirst คัดกรองผ่าน  บสย. Credit Scoring และส่งต่อข้อมูลให้สถาบันการเงินที่เหมาะสม ขยายโอกาสให้ SMEs เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น

3. พัฒนาผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อ (Specific Segment Guarantee) จากปัจจุบัน บสย. มีผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นตามกลุ่มลูกค้า (Product by Segment) จากนี้จะให้น้ำหนักเรื่องนี้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ บสย. เป็นกลไกค้ำประกันหลัก ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของ SMEs ได้อย่างแท้จริง

4. เดินหน้าแก้หนี้ “กลุ่มเปราะบาง” สำหรับลูกหนี้ที่ บสย. จ่ายเคลม หนี้คงเหลือไม่เกิน 2 แสนบาท ผ่านมาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” เน้นยืดเวลาผ่อนชำระ ตัดเงินต้นเพิ่มขึ้น ลดต้นสูงถึง 30% เพื่อช่วยกลุ่มรายย่อย Micro SMEs พ่อค้า แม่ค้า อาชีพอิสระ ปลดหนี้ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ โครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” ที่มุ่งช่วยลูกหนี้รายย่อย ปลดหนี้ แก้หนี้อย่างยั่งยืน.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password