ขอทบทวนย้อนไปถึงสถานการณ์ตึงเครียดที่ชายแดนด้านเขมรอีกทีครับว่า ทหารไทยเราเหยียบกับระเบิดจนขาขาดเป็นขาที่ 7 แล้ว ทำให้รัฐบาลและกองทัพไทยต้องประกาศยกเลิกการเจรจาสันติภาพออกไปอย่างไม่มีกำหนด

เป็นเรื่องถูกต้องและเห็นด้วยอย่างยิ่ง…

แต่ถ้าจะถึงขั้นลั่นไกกดชนวนรบราฆ่าฟันกันเป็นยกที่ 2 ด้วยนั้น ผมกลับต้องเป็น “จิ้งจกน้อยคอยสะกิด”ไว้ ไม่เหมือนก่อนการปะทะยกแรกเมื่อวันที่ 24 กรกฎาฯที่ผ่านมา

เพราะเห็นวี่แววเป็นลางสังหรณ์บางอย่างว่า  รอบใหม่นี้ เขมรต้องมี “ของลับ”บางอย่างที่เตรียมเอาไว้แก้แค้นไทย

คิดเพียงแค่ “สอยนกกริ๊พเพ่น”ของไทยให้ร่วงเพียงลำเดียว ไอ้ 2 ฮุนพ่อลูก มันก็ลิงโลดกระโดดเต้นประกาศชัยไปทั่วโลกแล้ว

กระแสข่าววงในค่อนข้างน่าเชื่อว่า ฮุน เซน นอกจากใช้ เงินทุนเทาสร้างกองกำลังพิทักษ์ตระกูลฮุน ( BHQ) อย่างเข้มแข็งแล้ว มันยังจ้าง “นักรบรับจ้าง”คล้ายนักรบว้ากเนอร์ของรัสเซียติดอาวุธร้ายกาจ เพื่อวางแผนปะทะกับกองทัพไทยด้วย

จำได้มั้ยครับว่า หลังการรบพุ่งระหว่างไทย-เขมร มีข่าวหนึ่งปรากฏทั้งโซเชียลและสื่อไทยทั่วไปว่า ชายแดนไทย-เขมร ปรากฏโดรนไร้สัญชาติบินมาจากฝั่งเขมรมากมายหลายสิบเครื่อง จนทางการต้องประกาศห้ามผู้ใดเอาโดรนมาบินในพื้นที่ใกล้เขมรอยู่พักหนึ่ง

นั่นแหละ คือ โดรนจารกรรมของฝั่งเขมรที่เข้ามาถ่ายพิกัดหน่วยราชการ ตำรวจ ทหารไทยอย่างละเอียดยิบ ซึ่งฝ่ายมั่นคงของเราก็รู้ดี และเตรียมวางแผนอย่างรัดกุมเช่นกัน

เรื่องการเตรียมอาวุธเข้าต่อกร รอบใหม่ เขมรต้องหาอาวุธทันสมัยที่มีเทคโนโลยีสูงมาสู้กับไทยแน่ นอกจากเราได้เห็นฝูงโดรนจำนวนมากแล้ว ฝ่ายความมั่นคงยังสืบทราบมาว่า เขมรสั่งอาวุธชี้เป้าเครื่องบินรบของไทยด้วย หมายความว่า ถ้าไทยเราใช้กริ๊พเพ่น หรือ F-16 เข้าถล่มทัพเขมรอีก เขมรก็ได้เตรียมขีปนาวุธระยะใกล้ 200-300 กิโลเมตร ยิงสกัดเครื่องบินรบของไทย พร้อมๆกับเป้าหมายต่างๆที่โดรนเขมรบินมาจับพิกัดในฝั่งไทย มันก็จะระดมปูพรมกันแบบ “แค้นต้องชำระ”อย่างไม่ต้องสงสัย

การรบรอบ 2 จึงไม่อาจคาดเดาได้ว่า ใครได้เปรียบเสียเปรียบ  แต่มันคงไม่ใช่ “รุกเขาข้างเดียว เหมือนเคี้ยวนกกระจอก” อย่างอร่อยลิ้นอีกแน่

กระแสข่าววงในยังเล็ดลอดมาอีกว่า ฮุนเซนผู้คร่ำหวอดกับสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เขมรด้วยกันอย่างโหดเหี้ยมมาแล้ว ยังซ่อนขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศไว้รอบๆ รัฐสภาและรัฐบาลเขมรในกรุงพนมเปญ โดยพรางรูปแบบไม่ให้รู้ว่า แท้จริงแล้วขีปนาวุธเหล่านั้นเอาไว้ป้องกันรอบๆ คฤหาสน์ที่พักคนตระกูลฮุนไปในตัวด้วย

เมื่อเป็นดังนี้ จึงไม่ใช่เรื่องที่จะหุนหันพลันแล่น ไม่คิดให้ละเอียดรอบคอบ และถ้าไม่เตรียมการทุกอย่างให้เหนือกว่าคู่ฟัด ก็จัดถือว่า ประมาทและประเมินศัตรูต่ำเกินไปแล้ว

ผมถึงต้อง…สะกิด! เพื่อให้ฝ่ายไทยรีบเร่งหา ”อาวุธปราบมิสไซล์” และโดรนจารกรรมที่มีเทคโนโลยีที่สูงกว่ามาสกัด ก่อนที่จะลงมือ “กดปุ่ม” รอบ 2

เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ดีเท่า หรือดีกว่าชัยชนะรอบแรก

ให้ดียิ่งกว่านั้น รอบ 2 ต้องรุกคืบเอาเขาพระวิหาร เมืองเสียมราฐ พระตะบอง ศรีโสภณ และน่านน้ำทะเลเกาะกง กลับมาสู่อ้อมอกแผ่นดินไทยเสียด้วย

แล้วค่อยมาเจรจากันทีหลัง ตามหลักการรบที่ได้เปรียบ  ดีกว่าหลายเท่ามั้ยครับ !!!

ณรงค์  ปานนอก