FTA ‘พลังหนุน!’ เศรษฐกิจไทย?

นโยบาย “การทูตเศรษฐกิจ” ที่ “รัฐบาลอนุทิน” เร่งต่อยอด! “พลังการทูต” สู่…ยุทธศาสตร์ FTA เต็มรูปแบบ! ย่อมสะท้อนความเป็น “สะพานเชื่อม” ระหว่างการทูต – เศรษฐกิจ – ภาคเอกชน และทั้งหมด…จะร่วม “ชี้อนาคต!” การแข่งขันของไทย ในเวลาการค้าของโลก นาทีนี้…มันคงถึงเวลา “แปลง!” พลังทางการทูต? ให้เป็น “ผลลัพธ์” เชิงเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ผ่านการใช้สิทธิประโยชน์ FTA อย่างเต็มพิกัดแล้ว!!!

ต่อเนื่องจาก นโยบาย “การทูตเศรษฐกิจ” ที่ รัฐบาล…ภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ประกาศใช้…เพื่อ ยกระดับบทบาทของไทยในเวทีโลก ตามที่ “ทีมข่าวยุทธศาสตร์” นำเสนอข่าวไปเมื่อวานนี้ (9 พ.ย.2568) / (คลิกอ่าน!…การทูตเศรษฐกิจ??? ttps://yutthasartonline.com/strategies/145549)

หนึ่งในแกนหลัก! ของนโยบายข้างต้น (การทูตเศรษฐกิจ) คือ การผลักดันในเรื่อง…“ความตกลงการค้าเสรี” หรือ FTA ที่รัฐบาลไทย เตรียมจะเดินหน้าเซ็นข้อตกลงร่วมกับอีกหลายประเทศและกลุ่มประเทศ

แน่นอนว่า…พลังหนุน! ที่จะผลักดันและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า ย่อมต้องมีเรื่อง FTA เข้ามาเกี่ยวข้อง…

จากบทเรียนสำคัญของการดำเนินงานในระยะที่ผ่านมา ได้ชี้ว่า…“พลังทางการทูต” จะมีความหมาย ก็ต่อเมื่อสามารถเชื่อมโยงกับ “ผลลัพธ์”ทางเศรษฐกิจที่จับต้องได้

และ “เครื่องมือ” ที่ทรงพลังมากที่สุด! ในยามนี้ คงไม่พ้นเรื่อง…FTA ที่จะทำให้ไทย สามารถแปลง “พลังทางการทูต” เป็นผลประโยชน์ทางการค้าได้จริง!!!

สถานการณ์ยามนี้…รัฐบาลไทย พยายามเดินหน้าสู่ “ระยะที่ 2” ของ “ยุทธศาสตร์…การทูตเศรษฐกิจ” ด้วยการ บูรณาการเชิงนโยบาย ระหว่าง…การทูต การค้า และการลงทุน

โดยมี FTA เป็น “หัวใจสำคัญ” ในการขยายตลาดและเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยให้พร้อมแข่งขันในตลาดโลก

ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า…ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 มูลค่าการใช้สิทธิภายใต้ FTA ของไทยสูงถึง 60,245.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.94 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.40% จากปีก่อน และมีสัดส่วนการใช้สิทธิมากถึง 80.71%

เป็นตัวเลขสูงสุดในรอบหลายปี!!!

สิ่งนี้…สะท้อนถึง ความพร้อมและศักยภาพของผู้ประกอบการไทย ในการใช้ประโยชน์จาก “ระบบการค้าพหุภาคี (FTA)” อย่างมีประสิทธิภาพ

แม้ เศรษฐกิจโลก…จะเผชิญความผันผวนก็ตาม ทว่า “ตลาดอาเซียน” ยังคงเป็น “ฐานสำคัญ” ของการส่งออกไทย ตามมาด้วย…จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย

และ สินค้าที่ใช้สิทธิ FTA สูงสุด! ทั้งในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ได้แก่…ทุเรียนสด เนื้อไก่ปรุงแต่ง ยานยนต์ เครื่องจักร และผลิตภัณฑ์ยาง

แสดงถึงโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ยังคงหลากหลายและยืดหยุ่น!!!

“นายกฯอนุทิน” พร้อมด้วย ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ที่ต่างก็ “รวมพลัง” ด้วยหวังจะ “ยกระดับ FTA” จากเดิมที่เป็นแค่เพียง…ข้อตกลงทางการค้า ให้ก้าวสู่ความเป็น “ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจแห่งชาติ”

โดยจัดตั้ง “คณะทำงานยุทธศาสตร์การค้ากับสหรัฐฯ” เดินหน้าเจรจา “ลดอัตราภาษี” สินค้าส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพื่อให้ต่ำกว่าหรืออยู่ในระดับ 19%

คู่ขนานกันไป…รัฐบาลอนุทิน ได้ประกาศเร่งสรุป FTA ระหว่างไทยกับประเทศและกลุ่มประเทศสำคัญ

โฟกัส…ไทย–EU (สหภาพยุโรป) ต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือน

ขณะเดียวกัน ไทยยังมีบทบาทสำคัญในการ “ยกระดับ” ความตกลงอาเซียน–จีน (ACFTA 3.0) ซึ่งได้ เพิ่ม “มิติใหม่” ของความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

สิ่งนี้…ถือเป็นจังหวะที่ไทยสามารถใช้ “พลังทางการทูต” ผลักดัน “ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจ” ได้อย่างเป็นรูปธรรม!

มองในภาพรวม “จุดแข็ง” ของไทย ก็คือ เครือข่าย FTA ที่ครอบคลุมกว่า 19 ประเทศ และสถานะทางการทูตที่มั่นคงในอาเซียน และ APEC ทำให้ไทย…มี “ฐานอำนาจต่อรอง” ทางการค้าในระดับภูมิภาค

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการรายใหญ่ ต่างเริ่มใช้สิทธิได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ภาคเอกชนไทย…ต่างก็มีความพร้อมมากขึ้น ในการ “ปรับตัว” ตามมาตรฐานการค้าสากล

อย่างไรก็ตาม “จุดอ่อนสำคัญ” ยังคงอยู่ที่ “ช่องว่าง” ระหว่าง…ผู้ประกอบการรายใหญ่ กับ SMEs ซึ่งจำนวนมาก…ยังเข้าไม่ถึงข้อมูล หรือไม่เข้าใจขั้นตอนการใช้สิทธิภายใต้ FTA, กฎถิ่นกำเนิดสินค้าที่ซับซ้อน และระบบราชการที่ล่าช้า

ทั้งหมด! ยังเป็นอุปสรรคสำคัญของเกมการค้าของ SMEs ไทย ในยามนี้…

ขณะที่ “ต้นทุน” ทางด้านโลจิสติกส์และพลังงาน ในไทย ยังสูงกว่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาค นอกจากนี้ ไทยยังต้องเร่ง “ยกระดับ” เทคโนโลยีการผลิต ให้ทันต่ออุตสาหกรรม 4.0 เพื่อไม่ให้เสียเปรียบในระยะยาว

เมื่อพิจารณาใน “มิติของโอกาส” ไทยกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการ “สร้างพันธมิตร” ทางเศรษฐกิจใหม่

“FTA ฉบับใหม่” กับ…สหภาพยุโรป (EU) และ เกาหลีใต้ จึงถูกคาดหวังจะใช้เป็น “ประตู” สู่ตลาดที่มีมูลค่าสูงและมีมาตรฐานเข้มข้น!

การยกระดับความร่วมมือ “อาเซียน–จีน” ก็จะช่วยให้ไทย มีส่วนร่วมใน เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งเป็นแนวโน้ม เศรษฐกิจโลกในอนาคต

ขณะเดียวกัน การทูตเชิงรุก! ของ “รัฐบาลอนุทิน” ระหว่าง…การประชุมอาเซียน ซัมมิท ในมาเลเซีย และ “ผู้นำเอเปก” ที่เกาหลีใต้ ก่อนหน้านี้ ยังได้ “เปิดประตู” สู่ตลาดใหม่ อย่าง…อินเดีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ซึ่งเป็น “ตลาดเกิดใหม่” ที่มีศักยภาพสูง!!!

กระนั้น ก็ยังจะมี อุปสรรค…ที่ไม่อาจมองข้าม ก็คือ การแข่งขันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งอาจรุนแรงมากขึ้น และย่อมส่งผลกระทบต่อไทยโดยตรง

รวมถึง มาตรการ “กีดกันทางการค้าใหม่” ของยุโรป เช่น CBAM (ภาษีคาร์บอน) อาจกลายเป็น “กำแพงภาษี” รูปแบบใหม่! ที่กดดันภาคการผลิตไทย…ให้ต้องเร่งปรับตัว

ส่วน ในประเทศ เอง ผู้ประกอบการไทย…ยังคงต้องประสบกับปัญหา “ความล่าช้า!” ของกลไก…นโยบายรัฐและความไม่ต่อเนื่องทางการเมือง ที่อาจทำให้…ยุทธศาสตร์ดีๆ ไม่ถูกนำไปสู่ “การปฏิบัติ” อย่างจริงจัง!!??

ดังนั้น สิ่งที่ “รัฐบาลอนุทิน” ต้องเร่งดำเนินการในโอกาสต่อไป ก็คือ…การสร้าง “ระบบนิเวศ FTA ของชาติ” ที่ทำให้ทุกภาคส่วน…ได้เข้าถึง “สิทธิประโยชน์” ได้จริง! ผ่านการจัดตั้ง…ศูนย์ยุทธศาสตร์การค้าโลก (Thailand Trade Strategy Center) เพื่อรวบรวมข้อมูลข้อตกลงและสิทธิพิเศษทางการค้าทั้งหมดในที่เดียว

รวมถึง เร่งพัฒนาระบบ Fast Track ในการตรวจรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

พร้อม เร่งจัดตั้ง “กองทุน” สนับสนุนการปรับตัวของผู้ประกอบการสู่การส่งออกสีเขียว (Green Export Fund) เพื่อให้ไทยสามารถ “รับมือ” กับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมใหม่ ของยุโรปได้ทันท่วงที!

โดย รัฐบาลควร “บูรณาการ” หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้เป็น “ทีมเดียวกัน” ในนาม Thailand One Trade Voice” เพื่อให้เสียงของไทย…บนเวทีเศรษฐกิจโลก! ชัดเจนและทรงพลังมากขึ้น!!!

บ่าย 3 โมง…วันนี้ (10 พ.ย.) นายกฯอนุทิน มีกำหนดการที่จะเดินทางไปทำหน้าที่…ประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 4/2568 ณ กระทรวงการคลัง (ติดตามข่าวนี้…ได้ในเย็นวันนี้) ซึ่งถือเป็น “เวทีต่อเนื่อง” จากนโยบายการทูตเศรษฐกิจ ที่วางไว้ก่อนหน้านี้

การประชุมครั้งนี้ จึงถูกจับตามองว่า…นายกฯอนุทิน จะใช้โอกาสนี้ ในการ “กำหนดยุทธศาสตร์การค้าระดับชาติ” ในช่วงปลายปี ต่อเนื่องถึงปี 2569 โดยมี FTA เป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หรือไม่? อย่างไร?

ทั้งเพื่อ…การขยายตลาด, สร้างความมั่นคงทางรายได้ และเพิ่มอำนาจต่อรองของประเทศไทย ในเวทีโลก

และเพื่อให้ “การทูตเศรษฐกิจไทย” ไม่เพียงเป็นแนวคิด แต่กลายเป็น “พลังจริง” ที่สร้างอนาคตให้กับประเทศ อย่างมั่นคงและยั่งยืน

ถึงบรรทัดนี้ หาก “ทีมข่าวยุทธศาสตร์” จะยกบทบาทของ FTA ให้เป็น “พลังหนุน!” ต่อระบบเศรษฐกิจของไทย ที่ “รัฐบาลอนุทิน” และ หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง จะเร่งบูรณาการและดำเนินการอย่างมีกลยุทธ์ และเป็นกลยุทธ์เชิงรุก! ที่สำคัญ…ต้องลงมือทำทันที!

สิ่งนี้ ก็คงมิใช่…ข้อแนะนำที่ห่างไกลเป้าหมายแห่งความสำเร็จ…มากเกินจริงไปนัก!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password