เสถียรภาพ…ฟื้นเชื่อมั่น! – ไทยบน ‘ทางแยก’ แห่งโอกาส+ความจริง?

นายกฯอนุทิน ใช้เวที “SET Government Roadshow 2025” ที่สิงคโปร์ ส่งสัญญาณ “ฟื้นศรัทธา” ต่อนักลงทุนทั่วโลก ย้ำ! เสถียรภาพทางการเมืองและการคลัง คือ “หัวใจ” ของการสร้างความเชื่อมั่น! ชู “Quick Big Win” เร่งผลักดันเศรษฐกิจระยะสั้น ควบวางรากฐานการเติบโตยั่งยืน ระบุ! ไทยยังเป็น “ประเทศแห่งโอกาส” พร้อมเชื่อมโลก ผ่านเศรษฐกิจสีเขียว ดิจิทัล และการลงทุนโปร่งใส
การกล่าว ปาฐกถาพิเศษ ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในงาน “SET Government Roadshow 2025” ที่ ประเทศสิงคโปร์ วานนี้ (7 ต.ค.2568) ไม่เพียงเป็น…เวทีแสดงศักยภาพเศรษฐกิจไทย ต่อสายตานักลงทุนต่างชาติ เท่านั้น แต่ยังเป็น “บททดสอบทางความเชื่อมั่น” ของรัฐบาลในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ
การเลือกใช้ ธีม “Confidence in Thailand’s Path Forward” สะท้อน…ความพยายามสร้างภาพประเทศไทย ในฐานะ ประเทศที่ยังมีรากฐานแข็งแกร่ง แม้จะอยู่ในท่ามกลาง “แรงกดดัน” จาก…ความผันผวนภายนอกและการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองภายใน
กระนั้น การอ้างอิงถึง เสถียรภาพทางการเมืองและการคลัง ในถ้อยแถลงของ นายกรัฐมนตรีไทย นับเป็น การสื่อสารเชิงกลยุทธ์ ต่อภาคทุนระหว่างประเทศ ว่า…“ความแน่นอน” ยังคงเป็นสินค้าที่ประเทศไทยขายได้ดีที่สุดในห้วงเวลานี้
การประกาศแผนยุบสภาฯ ในเดือนมกราคม 2569 และ จัดการเลือกตั้งในเดือนมีนาคม พร้อมทำ “ประชามติ” ปฏิรูปรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการ…สร้าง “เส้นทางที่คาดการณ์ได้” เพื่อ “ปลดล็อก” ข้อกังวลของนักลงทุนต่างชาติ ที่มองไทยว่า…เปราะบางทางการเมือง
ดังนั้น การให้ “คำมั่น” อย่างคงเส้นคงวา ว่า…จะรักษาเสถียรภาพทางนโยบายจนถึงวันเลือกตั้ง จึงกลายเป็น “หลักประกันเชิงสัญญา” ของรัฐบาลต่อทุนโลก
ในอีกด้านหนึ่ง การเน้นวินัยทางการคลัง และตัวเลขมหภาคที่ยังอยู่ในกรอบปลอดภัย เช่น หนี้สาธารณะร้อยละ 64.6 ของ GDP และ เงินสำรองระหว่างประเทศกว่า 2.7 แสนล้านดอลลาร์ เป็นความพยายามตอกย้ำว่า…
ไทยยังคงเป็น “เกาะมั่นคงในทะเลคลื่นเศรษฐกิจโลก!!!”
ขณะเดียวกัน การปรับประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขึ้นเป็น 2.4% และ การขยายตัวของภาคส่งออก 19% ในเดือนกันยายน 2568 ถูกใช้เป็นสัญญาณว่า…มาตรการ “Quick Big Win” ของรัฐบาลเริ่มส่งผลจริง
แม้จะยัง ไม่ใช่…การฟื้นตัวเต็มรูปแบบ แต่ก็สะท้อนว่า…รัฐบาลพยายามสร้าง “แรงส่งเชิงจิตวิทยา” มากพอให้ภาคเอกชนมองอนาคตด้วยมุมบวก
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าสังเกตตามมา ก็คือ นายกรัฐมนตรี มิได้ขาย “ความฝันใหม่” หากแต่เลือกขาย “ความมั่นคงที่จับต้องได้”
การชูประเด็นความร่วมมือกับสิงคโปร์ ในเรื่อง…เศรษฐกิจสีเขียว ดิจิทัล และความมั่นคงทางอาหาร นับเป็น…การส่งสัญญาณว่า ประเทศไทยจะเดินตามทิศทางของเศรษฐกิจโลกที่มุ่งสู่ความยั่งยืนและนวัตกรรม
โดยเฉพาะ การยกตัวอย่าง ระบบ PromptPay–PayNow ที่เชื่อมโยง การชำระเงินแบบเรียลไทม์ข้ามพรมแดน ถือเป็น “สัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงเชิงโครงสร้าง” มากกว่า…การร่วมมือเชิงพิธีกรรม
สะท้อน “วิธีคิดใหม่” ของรัฐบาลไทย ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีเป็นฐานความเชื่อมโยงระหว่างประเทศ
ขณะเดียวกัน การที่รัฐบาลไทย ได้รับคำขอส่งเสริมการลงทุนกว่า 1.37 ล้านล้านบาทจากนักลงทุนต่างชาติ ยังบ่งชี้ว่า…ความเชื่อมั่นต่อศักยภาพของไทย ยังไม่หายไปจากสายตาโลก
เพียงแต่ความท้าทายสำคัญจากนี้ ก็คือ…การทำให้ตัวเลขเหล่านี้ “ตกผลึกเป็นความจริงทางเศรษฐกิจ” โดยเฉพาะใน ระดับประชาชน
หาก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่สามารถแปรเป็นรายได้ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ความเชื่อมั่นในระดับมหภาค…ก็อาจไม่เพียงพอที่จะ “ปิดช่องว่าง” ความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้
ในทางการเมือง คำกล่าวของ นายกฯอนุทิน ที่ย้ำว่า “ประเทศไทยในวันนี้…มีความมั่นคง มีทิศทางที่ชัดเจน” แม้จะสร้างความมั่นใจในเชิงสถาบัน แต่ก็ “เปิดคำถาม” สำคัญ ตามมา ว่า… “ความมั่นคง” ที่กล่าวถึงนั้น หมายถึงการคงอยู่ของเสถียรภาพ หรือการคงอยู่ของอำนาจทางการเมือง
หากการเลือกตั้ง ในปี 2569 ถูกมองว่า…เป็นการสืบทอดความต่อเนื่องของรัฐบาล มากกว่าการเปิดพื้นที่ให้ประชาชน ได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ความเชื่อมั่นที่รัฐบาลหวังสร้างจากนักลงทุน อาจไม่สอดคล้องกับความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อโครงสร้างการเมืองในประเทศ
กล่าวโดยสรุป! การปรากฏตัวของ นายกฯอนุทิน บนเวที Roadshow ครั้งนี้ เป็นมากกว่าการขายภาพเศรษฐกิจ แต่คือการ “วางหมากทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ” เพื่อชี้ให้เห็นว่า…
ไทยยังคงเดินอยู่บนเส้นทางแห่งโอกาส หากสามารถรักษาวินัยทางการคลังและความโปร่งใสทางนโยบายได้จริง
และ…ประเทศไทย จะยังเป็น “จุดหมายสำคัญ” ของการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทว่าหาก “ความมั่นคง” ที่ประกาศไว้…เป็นเพียง “ภาพลักษณ์” ที่กลบเสียงสะท้อนจากภายใน?
ความเชื่อมั่น…ที่ฟื้นขึ้นในสายตาโลก…ก็อาจกลายเป็นเพียง “ฟองอากาศแห่งศรัทธา” ที่สวยงามแต่เปราะบาง
ดังนั้น การสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของไทย จึงไม่อาจ…พึ่งถ้อยคำในเวทีระหว่างประเทศได้เพียงอย่างเดียว!
แต่ต้องอาศัย “เสถียรภาพที่พิสูจน์ได้จริง” ทั้งในเชิง…นโยบาย การเมือง และชีวิตของประชาชน
เพราะในท้ายที่สุด! ศรัทธาทางเศรษฐกิจ…จะยั่งยืนได้ ก็ต่อเมื่อ “ผู้คน” ในประเทศเดียวกัน รู้สึกมั่นคงพอที่จะเชื่อมั่นไปพร้อมกับรัฐบาล!!!.






