‘สุขกาย สบายกระเป๋า’ ได้ผลจริง! รัฐยันลดค่ารักษาได้ครึ่ง เข้าถึงง่าย ประชาชนพอใจ

พาณิชย์–สาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจจริง โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” พบช่วยลดภาระค่ารักษาเอกชนได้กว่า 50% ยืนยันประชาชนเข้าถึงยาได้สะดวก ปลอดภัย และมีคุณภาพมาตรฐานเดียวกับโรงพยาบาล

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามการดำเนินโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” หลังนายกรัฐมนตรีได้คิกออฟเปิดตัวตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.68 โดยได้ร่วมกับ ภก.เลิศชาย เลิศวุฒ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ณ โรงพยาบาลพระราม 9 และร้านขายยา Top Care , Boots และ Watsons ที่ห้างเซ็นทรัล พระราม 9

การลงพื้นที่ครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบการให้บริการจริงของโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่การลงทะเบียน พบแพทย์ รับใบสั่งยา ไปจนถึงการนำใบสั่งยาไปซื้อยาภายนอก เพื่อยืนยันว่าประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวก และลดค่าใช้จ่ายได้จริง
นายวิทยากร กล่าวว่า “วันนี้เพื่อให้เห็นภาพจริงในการรับบริการใน ”โครงการ สุขกาย สบายกระเป๋า“ ทั้งที่โรงพยาบาลเอกชนและร้านขายยา จึงได้แสดงเป็น “ผู้ป่วยจำลอง” ที่มีอาการไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และนอนไม่หลับเป็นภาวะแทรกซ้อน โดยหากเข้ารับการรักษาและซื้อยาทั้งหมดจากโรงพยาบาลเอกชน จะมีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 10,370 บาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่ายา

จากการทดลองใช้สิทธิ์ตามโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” นายวิทยากรได้นำใบสั่งยาจำนวน 4 รายการ ไปซื้อที่ร้านขายยาภายนอก และรับเฉพาะยาควบคุมพิเศษ 1 รายการ ค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลจึงเหลือเพียง 1,670 บาท (รวมค่าตรวจ ค่าบริการทางการแพทย์ และค่ายาควบคุมพิเศษ)
หลังจากนั้น ได้มีการนำใบสั่งยาจากโรงพยาบาลพระราม 9 ดังกล่าว มาทดลองซื้อจริงที่ ร้านยา Tops Care ภายในห้างเซ็นทรัลพระราม 9 ซึ่งเป็นร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ภายใต้ระบบ “ร้านยาใกล้ฉัน” ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่าสามารถนำใบสั่งยามาซื้อยาได้โดยตรง โดยมีเภสัชกรประจำร้านให้คำแนะนำอย่างครบถ้วน ทั้งชื่อสามัญของยา วิธีใช้ ขนาดการรับประทาน และข้อควรระวังของแต่ละโรค เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับยาที่ถูกต้อง ปลอดภัย และมีคุณภาพเทียบเท่ากับยาที่จ่ายจากโรงพยาบาล

โดย ค่ายา 4 รายการที่นำมาซื้อตามใบสั่งยา มีราคาทั้งหมดเพียง 3,863 บาท เมื่อเทียบกับราคาค่ายาเดิมของโรงพยาบาลที่อยู่ที่ 8,700 บาท จะเห็นว่ามีส่วนต่างที่ประหยัดได้ถึง 4,837 บาท
“พูดง่ายๆ คือ จากเดิมที่ต้องจ่ายกว่า 10,000 บาท วันนี้เหลือจ่ายจริงเพียงประมาณ 5,500 บาท ประหยัดเงินไปเกินครึ่ง หรือกว่า 4,500 บาท ซึ่งเป็นเงินที่กลับไปอยู่ในกระเป๋าของประชาชนโดยตรง” นายวิทยากรกล่าว

นายวิทยากร กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทั้งนี้โรงพยาบาลพระราม 9 ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ และร้านขายยาทั้งสามแห่งที่เรามาติดตามในวันนี้ ได้ติดตั้งโลโก้และสติกเกอร์ “สุขกาย สบายกระเป๋า” อย่างชัดเจนในจุดให้บริการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนสังเกตได้ง่าย พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยเข้าใจหลักเกณฑ์ของโครงการและพร้อมให้บริการแก่ผู้ป่วยที่ประสงค์จะเลือกซื้อยาเอง“

ด้านสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รายงานว่า ปัจจุบันมีร้านขายยาที่ผ่านการรับรองและเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 3,400 ร้านทั่วประเทศ และจำนวนยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยร้านที่เข้าร่วมจะต้องมีเภสัชกรประจำร้านและจำหน่ายยาที่มีมาตรฐานเดียวกับโรงพยาบาล เพื่อให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าจะได้รับยาที่มีคุณภาพและปลอดภัย
“โครงการสุขกาย สบายกระเป๋า เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนโดยสมัครใจ เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกใหม่ในการเข้ารับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ในการลดภาระค่าครองชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน” นายวิทยากร กล่าวทิ้งท้าย.








