‘บีโอไอ’ ชู กองทุนเพิ่มขีดฯ หนุนผู้ประกอบการไทยยกระดับเทคโนโลยีสร้างบุคลากรทักษะสูง พร้อมแข่งขันในเวทีโลก

บีโอไอ เคาะ 2 มาตรการสำคัญ เดินหน้าใช้กลไก“กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน” พลิกเกมเสริมแกร่งผู้ประกอบการไทยมุ่งยกระดับเทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมทั้งพัฒนาบุคลากรทักษะสูงรองรับอุตสาหกรรมใหม่ เร่งขับเคลื่อนการลงทุนเพื่ออนาคต ตานโยบาย “Quick Big Win” ของรัฐบาล

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ภายใต้บีโอไอ ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน เมื่อ 6 พ.ย. 2568 มีมติเห็นชอบ 2 มาตรการสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนเพื่ออนาคต ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล ได้แก่ มาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและมาตรการสร้างบุคลากรทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรมยุคใหม่
“มาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน”จะเป็นการให้เงินทุนสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันโดยจะสนับสนุนเงินทุนในสัดส่วนร้อยละ 30-50ของเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อบริษัท ครอบคลุมการลงทุนใน 3 ด้านหลัก ได้แก่
1) การปรับปรุงประสิทธิภาพกิจการเดิมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การใช้ระบบอัตโนมัติ และเทคโนโลยีดิจิทัล 2) การวิจัยและพัฒนา (R&D) 3) การปรับเปลี่ยนกิจการเดิมไปสู่อุตสาหกรรมใหม่และอุตสาหกรรมสีเขียวโดยผู้ยื่นขอใช้สิทธิตามมาตรการนี้ ต้องเป็นนิติบุคคลที่มีหุ้นไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เกษตร อาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ การแพทย์ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

กรณีผู้ประกอบการทั่วไป มีเงื่อนไขลงทุนขั้นต่ำ 50 ล้านบาท แต่กรณีเป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่ขึ้นทะเบียนในโครงการ SME ONE ID ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ต้องลงทุนขั้นต่ำ 20 ล้านบาท ทั้งนี้ ต้องยื่นคำขอภายในเดือนมกราคม 2569 และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 12 เดือน นับจากวันออกบัตรส่งเสริม
นอกจากนี้เนื่องจากการให้เงินสนับสนุนจากกองทุนเป็นการเบิกจ่ายหลังจากที่ผู้ประกอบการได้ลงทุนตามเงื่อนไขแล้วบีโอไอจึงร่วมกับสมาคมธนาคารไทยในการพัฒนาสินเชื่อในรูปแบบ Bridging Loan และกำหนดอัตราดอกเบี้ยพิเศษจากสถาบันการเงิน เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการระหว่างรอการเบิกจ่ายด้วย

สำหรับ “มาตรการสร้างบุคลากรทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรมยุคใหม่”กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ จะสนับสนุนเงินให้กับมหาวิทยาลัย/สถาบันฝึกอบรมที่จะเป็นหน่วยงานแม่ข่าย (Node) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดฝึกอบรมและยกระดับทักษะของกำลังคนระดับปวส. ขึ้นไป ให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายพัฒนาบุคลากร 1 แสนคนแบ่งเป็นนักศึกษาที่เตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน 30,000 คน และบุคลากรในตลาดแรงงานที่ต้องการยกระดับหรือปรับเปลี่ยนทักษะ (Upskill & Reskill) 70,000 คน รูปแบบการฝึกอบรมครอบคลุมทั้งแบบ Bootcamp, Onsite & Online Trainingรวมทั้งการฝึกปฏิบัติจริงในสถานประกอบการ โดยหลักสูตรจะต้องมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่หรือองค์ความรู้ขั้นสูงที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของประเทศ
และต้องได้รับการรับรองโดยคณะกรรมการภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษาฯ(อว.)โดยเงินสนับสนุนจะครอบคลุมค่าฝึกอบรม ค่าเดินทาง ค่าเบี้ยเลี้ยงระหว่างฝึกงานและค่าตอบแทนผู้ดูแลการฝึกงาน ทั้งนี้ ต้องยื่นคำขอภายในเดือนมกราคม 2569 และดำเนินการฝึกอบรมให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน นับจากวันออกบัตรส่งเสริม
“มาตรการที่บอร์ดอนุมัติในครั้งนี้ จะเป็นการพลิกบทบาทกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้เป็นเครื่องมือด้านการเงินที่ใช้ในการยกระดับอุตสาหกรรมไทยทั้งด้านการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยปรับตัว เพื่อยกระดับเทคโนโลยีและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการสร้างบุคลากรทักษะสูง เพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมยุคใหม่ นับเป็นแคมเปญสร้างบุคลากรสำหรับภาคอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งการยกระดับขีดความสามารถทั้งสองด้านนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถอยู่รอดแข่งขันได้ และเติบโตอย่างยั่งยืน” นายนฤตม์ กล่าว






