ศาล รธน. สร้างมาตรวัดใหม่…การเมืองไทย?

ศาลรัฐธรรมนูญ สร้างมาตรฐานใหม่? ตีตกคำร้อง MOA กับข้อกล่าวหา “ล้มล้างการปกครอง!” ระบุ! เป็นเจตจำนงการเมืองร่วมกัน ไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงข้อกล่าวหาข้างต้น ชี้! นี่คือความพยายาม “รักษาเส้นแบ่ง!” ระหว่าง…“สิทธิทางการเมือง” กับ “การล้มล้างระบอบ” ได้อย่างชัดเจน!

น่าสนใจอย่างที่สุด! กับบทบาทของ ศาลรัฐธรรมนูญ ในห้วงที่ การเมืองไทยในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเข้าสู่ “โหมดการเลือกตั้งใหญ่” สรรหา ส.ส. เพื่อจัดตั้ง “รัฐบาลชุดใหม่”

และเป็น 2 พรรคการเมืองใหญ่ อย่าง… “ประชาชน – ภูมิใจไทย” ซึ่งถูกมองว่า จะเป็น…ผู้ชนะเลือกตั้งครั้งหน้า แต่กลับถูกยื่นข้อกล่าวหาจาก…บันทึกข้อตกลงทางการเมือง (MOA)ระหว่าง…นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน

สิ่งที่พวกเขาทำ! อาจเข้าข่ายการใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ทว่า…จากผลวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่มี “มติเอกฉันท์” ไม่รับ “คำร้อง” ข้างต้น โดยเห็นว่า…

ข้อตกลงดังกล่าว…เป็นเพียง “การแสดงเจตจำนงทางการเมืองร่วมกัน” แต่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริง หรือพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึง “เจตนาล้มล้างการปกครอง” แต่อย่างใด

จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา!!??

คำวินิจฉัยครั้งนี้ สะท้อนท่าทีของ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่พยายาม “รักษาเส้นแบ่ง!” ระหว่าง…“สิทธิทางการเมือง” กับ “การล้มล้างระบอบ” อย่างชัดเจน!

โดย ศาลรัฐธรรมนูญ มิได้…ขยายขอบเขตการตีความ! จนล้ำ…เสรีภาพทางการเมืองของพรรคการเมืองและนักการเมือง ซึ่ง…มีสิทธิเจรจา ประกาศแนวนโยบาย หรือแสดงเจตนาร่วมทางการเมืองภายใต้กรอบประชาธิปไตยได้

ตราบเท่าที่ไม่เป็นการบังคับ แทรกแซง หรือใช้อำนาจเหนือองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ!!!

ในอีกมิติหนึ่ง…คำวินิจฉัยนี้ ช่วยคลี่คลายภาวะการเมืองที่ตึงเครียด! หลังการร้องเรียนตามมาตรา 49 ซึ่งถูกใช้บ่อยครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อยื่นกล่าวหา “คู่แข่งทางการเมือง” ว่า “ล้มล้างการปกครอง”

ศาลรัฐธรรมนูญ จึงส่งสัญญาณสำคัญว่า…การใช้มาตรานี้ ควรถูกจำกัดอยู่ในกรอบของการป้องกันภัยต่อรัฐอย่างแท้จริง!

ไม่ใช่เป็นเครื่องมือขัดขวางกิจกรรมหรือข้อตกลงทางการเมืองตามกลไกรัฐสภา

อย่างไรก็ดี แม้คำวินิจฉัยนี้…จะช่วย “ยุติ” ข้อกล่าวหาเฉพาะหน้า แต่ก็สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบการเมืองไทย ที่ยังขาดความโปร่งใสในการต่อรองอำนาจ พรรคการเมือง…ยังต้องเผชิญกับข้อสงสัยจากสังคม ว่า…

“ข้อตกลงทางการเมือง” เช่น MOA เป็นเพียงกลยุทธ์เพื่อแบ่งผลประโยชน์ทางอำนาจหรือไม่?

การทำให้ข้อตกลงลักษณะนี้ เป็นที่เปิดเผย…ตรวจสอบได้ และอยู่ในขอบเขตกฎหมาย จึงเป็น สิ่งจำเป็น เพื่อไม่ให้ประชาชน มองว่า…เป็น การ “สมยอม” ทางการเมืองที่บั่นทอนความศรัทธาในระบบพรรค

ในทางการเมือง…ผลของคำวินิจฉัย ย่อมส่งแรงสะเทือนในเชิงยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะ ฝ่ายรัฐบาล ที่ได้รับการยืนยันความชอบธรรม

ขณะเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญเอง ก็รักษาสถานะ “ความเป็นกลาง” ไว้ได้โดยไม่ก้าวล่วงไปในพื้นที่การเมือง

การไม่รับคำร้องครั้งนี้ จึงเป็นการ “ย้ำจุดยืน!” ของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า…การคุ้มครองระบอบประชาธิปไตย ต้องไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการจำกัดเสรีภาพทางการเมืองหรือสร้างความหวาดกลัวแก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ท้ายที่สุด! มติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีนี้ จึงไม่เพียงเป็นการ “ยุติ” ข้อพิพาททางกฎหมาย แต่ยังเป็นการ กำหนดแนวทางสำคัญต่ออนาคตการเมืองไทย ว่า…

การสร้างเสถียรภาพในระบบประชาธิปไตย จำเป็นต้องอาศัยทั้งหลักนิติธรรมและการยอมรับความชอบธรรมของข้อตกลงทางการเมืองที่โปร่งใส และอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ!!!.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password