พาณิชย์ ตรวจเข้ม! ร้าน ‘ธงฟ้า – คนละครึ่งพลัส’ ห้ามฉวยโอกาสขายแพง เผย! ยอดขายพุ่งกว่าช่วงปกติ 80%

กรมการค้าภายใน ลุยตรวจ “ร้านธงฟ้า–คนละครึ่งพลัส” เผย! ยอดขายพุ่ง 80% ย้ำ! ร้านค้าต้องขายราคาเดียว ห้ามฉวยโอกาสขึ้นราคา ฝ่าฝืน! มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับสูงสุด 140,000 บาท

วันนี้ (31 ตุลาคม 2568) นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน (DIT) กระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ติดตาม ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐในโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ของรัฐบาล โดยเกาะติด สถานการณ์การจับจ่ายใช้สอยของประชาชน และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ว่า ร้านค้าที่อยู่ในโครงการธงฟ้าประชารัฐ ทั้งร้านค้าและร้านอาหาร มีระบบรองรับและมีราคาที่เป็นธรรม ซึ่งได้ ตรวจเยี่ยมร้านค้าชุมชนย่านถนนสามัคคี อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ที่ ร้านกิจโชติ ซึ่งเป็นร้านธงฟ้าประชารัฐจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็นในชีวิตประจำวัน พบว่า ร้านค้ามียอดขายเพิ่มขึ้นกว่าปกติ ร่วม 80% และได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชนในพื้นที่ที่มาซื้อสินค้าโดยใช้สิทธิ์ในโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งได้รับเสียงสะท้อนจากประชาชนว่าช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้จริง

นายวิทยากร กล่าวเพิ่มว่า จากการติดตามสถานการณ์ร้านค้าในโครงการ พบว่า ร้านค่าธงฟ้าประชารัฐที่กรมการค้าภายในดูแล ทั่วประเทศกว่า 150,000 ร้านค้า เข้าโครงการคนละครึ่งพลัส จำนวน 148,509 ร้านค้า หรือมากกว่า 90% ของทั้งหมด ส่วน ร้านอาหารธงฟ้า มีมากกว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศ และในขณะนี้ มีร้านที่เข้าร่วมแล้วกว่า 1,500 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และจะทยอยเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งวันนี้กรมฯ ยังได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมร้านอาหาร “พอใจ” ซอยอารีย์ ซึ่งเป็นร้านอาหารธงฟ้าประเภทข้าวแกงราคาประหยัดที่ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างต่อเนื่อง มีราคาประหยัด และปริมาณเหมาะสม

ทั้งนี้ กรมฯยังมีแผนส่งเสริมร้านอาหารธงฟ้าให้สามารถลดต้นทุนวัตถุดิบ โดยเชื่อมโยงจากผู้ผลิต เช่น สมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ และสมาคมข้าวสารบรรจุถุง โรงงานผู้ผลิตวัตถุดิบอาหาร น้ำมันพืช น้ำตาลทราย เป็นต้น เพื่อช่วยให้ร้านสามารถจัดเมนู “อิ่มแน่นอน ราคายุติธรรม” พร้อมขอความร่วมมือให้ร้านค้ารักษาปริมาณอาหารในระดับปกติ ไม่ลดปริมาณ เพื่อให้ประชาชนได้รับความคุ้มค่าในการบริโภค

ในส่วนของเรื่องร้องเรียน กรมฯ ได้รับรายงานการร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 รวมแล้ว 5 เรื่อง เกี่ยวกับร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าราคาสูงขึ้น หรือ ราคาแตกต่างระหว่าง “เงินสด” และ “คนละครึ่ง” โดย DIT ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อมูลเบาะแสที่ได้รับแจ้ง
“กรมการค้าภายใน ขอย้ำว่า การจำหน่ายสินค้าทั้งแบบชำระเงินสดและใช้สิทธิ์คนละครึ่ง ต้องมีราคาเดียวกัน หากพบการกระทำผิดเข้าข่าย “ฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าเกินราคาควร” จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นายวิทยากร ย้ำและว่า…

นอกจากนี้ ร้านค้าที่ไม่ติดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจนจะมีโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท โดยผู้แจ้งเบาะแสสามารถแจ้งข้อมูลมาพร้อมหลักฐาน โดยขอให้ระบุสถานที่ตั้งของร้านค้า และพฤติการณ์การจำหน่ายสินค้า ที่เข้าข่ายความผิดตามกฏหมาย เพื่อกรมจะได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ในทันที
”กรมฯ ขอขอบคุณร้านค้าส่วนใหญ่ที่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการจำหน่ายสินค้าและอาหารในราคาที่เท่าเทียมกัน เพื่อช่วยกันสร้างระบบเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง เพื่อให้คนไทยทุกคนได้ “อิ่ม คุ้ม สบายกระเป๋า” ไปด้วยกัน“ นายวิทยากร กล่าวในที่สุด.



 
                                            
 
																				 
																				



