ธปท.เตรียมออกประกาศตั้งบริษัทร่วมทุนบริหารสินทรัพย์ (JV AMC) ภายในไม่กี่วัน หวังเร่งแก้ปัญหาหนี้เสียและหนี้ครัวเรือนเรื้อรัง ด้าน “วิทัย” เผย! หนี้ครัวเรือนไทยพุ่งกว่า 86% ชี้! หากไม่แก้จริงจังจะฉุดจีดีพี แย้มมาตรการช่วยลูกหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาท เฟสแรกกว่า 2 ล้านรายจ่อคลอดใน 1–2 สัปดาห์

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยภายในงาน BAM SYMPOSIUM: New Era of AMC 2025 ว่า ธปท. เตรียมออกประกาศใหม่เกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนบริหารสินทรัพย์ (JV AMC) ระหว่างสถาบันการเงินกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ เพื่อรองรับการซื้อหนี้เสีย (NPL) จากระบบธนาคาร หลังจากประกาศเดิมหมดอายุสิ้นปี 2567 โดยคาดว่าจะประกาศใช้ได้ภายใน 2–3 วัน เพื่อกระตุ้นให้ AMC เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการฟื้นฟูระบบการเงิน

นายวิทัย ระบุว่า ขณะนี้หนี้ครัวเรือนไทยอยู่ในระดับสูงถึงกว่า 86% ของจีดีพี โดยในจำนวนนี้มีหนี้เสียเกือบ 4% และหนี้ผิดนัดชำระ 8–9% รวมอยู่ในระดับราว 11–12% ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว พร้อมกับชี้ว่าธุรกิจบริหารสินทรัพย์ถือเป็น “จิ๊กซอว์สำคัญ” ในการช่วยลดภาระการฟ้องร้องและคลี่คลายปัญหาหนี้เชิงสังคม จึงต้องการเห็นการดำเนินงานของ AMC ที่ “แอคทีฟ” มากขึ้น

“เราอยากเห็น JV AMC แอคทีฟมากกว่าครึ่งหนึ่ง หรือมากกว่า 45 ราย จากที่มีอยู่ราว 90 ราย และอยากเห็นการซื้อ NPL ที่ปัจจุบันอยู่เพียง 10% เพิ่มขึ้นไปถึง 20–25% หรือแม้แต่ 30% ของยอด NPL ทั้งหมด เพื่อให้การแก้ปัญหาหนี้เป็นรูปธรรมมากขึ้น” นายวิทัย กล่าว พร้อมย้ำว่า…ธปท. ต้องการให้ AMC เข้าร่วมเป็นสมาชิกเครดิตบูโร เพื่อให้ข้อมูลลูกหนี้หลังได้รับการปรับโครงสร้างสามารถกลับเข้าสู่ระบบสินเชื่อได้ง่ายขึ้น

ทั้งนี้ ธปท. อยู่ระหว่างหารือร่วมกับกระทรวงการคลังและสมาคมธนาคารไทย เพื่อสรุปมาตรการแก้ปัญหาหนี้รายละไม่เกิน 1 แสนบาท ซึ่งขณะนี้มีลูกหนี้กลุ่มนี้กว่า 4 ล้านราย โดยคาดว่า จะเริ่มดำเนินการได้ภายใน 1–2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยในเฟสแรกจะช่วยเหลือประมาณ 2 ล้านราย ประกอบด้วย หนี้เสียของธนาคารพาณิชย์ราว 7 แสนราย และ หนี้นอนแบงก์ภายใต้ธนาคารพาณิชย์อีก 8 แสนราย ที่จะรับซื้อโดยบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) รวมถึง หนี้ของธนาคารรัฐราว 4–5 แสนราย ที่จะบริหารโดยบริษัทอารีย์ AMC ซึ่งเป็น บริษัทร่วมทุนระหว่างธนาคารออมสินและ BAM (บมจ.บริษัทสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์)

นายวิทัย ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกเติบโตประมาณ 3% โดยคาดว่า GDP ทั้งปี 2568 จะอยู่ที่ราว 2.2% และอาจชะลอลงเหลือ 1.6% ในปี 2569 หากยังมีปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น สังคมสูงวัย ความไม่แน่นอนทางการเมือง และความเหลื่อมล้ำทางการเงิน พร้อมย้ำว่า ความร่วมมือของหน่วยงานรัฐ สถาบันการเงิน และภาคธุรกิจ AMC จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้าง “ระบบนิเวศเศรษฐกิจที่ยั่งยืน” เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้อย่างมั่นคงในยุคเศรษฐกิจใหม่.