ฉลองสมาชิกรัฐสภา…รับร่างแก้ไข รธน. ของ 2 ใน 3 ฉบับ! กับนัดแรก ประชุม “ครม.เศรษฐกิจ” ของรัฐบาลชุดนี้ มีข่าวให้ต้องซุบซิบ ฉบับ …“12 ข่าวฮอต เม้าท์มันส์ สนั่นเมือง” ประจำวันพุธที่ 15 ตุลาคม 2568 กรอบสีเขียว สวยงามอร่ามตา (เริ่มตรงวันแร่ะ!!!) งั้นมาเริ่มกับช่าวนี้เลย….

(1) จัดทุกวีคก่อนประชุม ครม.ใหญ่ – อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงการประชุม คกก.นโยบายเศรษฐกิจ (กนศ.) หรือ “ครม.เศรษฐกิจ” ครั้งแรก ว่า…จากนี้จะจัดประชุมทุกสัปดาห์ก่อนการประชุม ครม. เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโต แก้ไขปัญหาปากท้องให้ประชาชน การเน้นทำนโยบาย Quick Big Win ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ให้เป็นผลสำเร็จและเห็นผลภายใน 4 เดือน ตามแนวคิด “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” โดยเชิญตัวแทน กกร. เข้าร่วมประชุม ให้ข้อมูลและความเห็นในเรื่องต่าง ๆ ที่รัฐบาลจะดำเนินการ หวังการขับเคลื่อนเป็นไปอย่างรวดเร็ว ที่ประชุมได้พิจารณามาตรา Quick Big Win 5 เสาหลัก คือ 1.กระตุ้นเศรษฐกิจและท่องเที่ยว 2.ลดภาระหนี้ประชาชน 3.เพิ่มสภาพคล่อง SMEs 4.เพิ่มการออมของประชาชน และ 5.การลงทุนเพื่ออนาคต โดยมอบหมายให้กระทรวงต่างๆ ที่มีโครงการภายใต้ Quick Big Win กำหนด Action Plan ตัวชี้วัดความสำเร็จให้ชัดเจน สามารถประเมินผลได้จริง สอดคล้องแนวทางข้างต้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งจะได้นำเสนอให้ครม.พิจารณาต่อไป.

(2) พท.หนุนร่าง รธน. ปชน. – ชัดเจนแล้วว่า…ที่ประชุมรัฐสภา มีมติรับหลักการใน 2 ร่างแก้ไข รธน. ซึ่งเป็นของ พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย โดย ร่างฯ ของ พรรคเพื่อไทย ตกไป เพราะไม่ผ่านวาระรับหลักการ แม้คะแนนที่ได้จะเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา เนื่องจากมีเสียงของ สว.ไม่ถึง 1 ใน 3 ทั้งนี้ เพื่อนำไปสู่การจัดทำร่าง รธน.ฉบับใหม่ โดยพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความ ประกาศเจตนารมณ์ว่า “ร่างฉบับเพื่อไทยถูกตีตก แต่เจตนารมณ์แก้รัฐธรรมนูญต้องไปต่อ พร้อมโหวตร่างพรรคประชาชนเป็นร่างหลัก เพื่อรักษาหลักการ ส.ส.ร. ยึดโยงกับประชาชน”.

(3) จ่อยกหูคุย ปธน.เกาหลีใต้ – นายกฯอนุทิน เตรียมเดินทางเยือน สปป.ลาวอย่างเป็นทางการ และเป็นครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง “ผู้นำประเทศ” ในวันพรุ่งนี้ (16) ถือเป็นการฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 75 ปี และที่กรุงเวียงจันทน์ นายกฯจะได้ต่อสายคุยกับ “ปธน.เกาหลีใต้” อี แจ มยอง คาดว่าจะหารือปัญหาสแกมเมอร์ และความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือเหยื่อแก๊งหลอกลวงทางเทคโนโลยี ต่อมา นายกฯและรมว.มหาดไทย ได้พูดถึงการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ ว่า ได้มีการตั้ง คกก.ไปแล้ว และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในหน่วยงานครบ ด้านปฏิบัติการได้มอบหมาย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพราะว่าเป็นตำรวจเก่า ทั้งนี้ จะต้องดำเนินการอย่างเต็มที่ ความเดือดร้อนอะไรที่ผิดกฎหมาย แล้วทำความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยเฉพาะอะไรที่ใช้กำลังไปกดดัน กดขี่ ข่มเหง รัฐจะดำเนินการเต็มที่ ส่วน ความร่วมมือสหรัฐฯในการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ นั้น ถือเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ไทยเสนอให้กัมพูชาต้องปฏิบัติอยู่แล้ว โดยไทยจะเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่.

(4) ตีเส้นวันเลือกตั้ง 29 มี.ค.69 – บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นชี้แจง “ไทม์ไลน์” ปฏิทินการเมือง ระหว่างการประชุมรัฐสภา โดยได้ระบุถึง การเลือกตั้งครั้งใหม่ กำหนดขึ้นในวันที่ 29 มีนาคม 2569 ทั้งนี้ นายกฯอนุทิน ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าวว่า เป็นร่างกรอบเวลาที่นายบวรศักดิ์ ได้วางไว้ ซึ่งถือเป็นไปตามไทม์ไลน์ ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นการทำประชามติการแก้ไขรัฐธรรมนูญพร้อมไปด้วยใช่หรือไม่? นายกฯอนุทิน ตอบว่า…ต้องไปคุยกับทาง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่?.

(5) ยึดทรัพย์รวยผิดปกติ? – สุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการฯ รักษาราชการแทน เลขาธิการฯ ในฐานะ “โฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.” แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ ชี้มูลความผิดคดีสำคัญ กรณีร่ำรวยผิดปกติ จำนวน 3 เรื่อง หนึ่งในนั้น ได้ชี้ว่า…กษิดิ์เดช ชุติมันต์ อดีต ส.ก.กทม. ร่ำรวยผิดปกติ รวม 5,783,958.58 บาท จากการไต่สวนพบทรัพย์สินเพิ่ม โดยไม่สัมพันธ์รายได้ ระหว่างปี 2553–2557 ได้แก่ ที่ดินและอาคาร 2 แห่ง ในเขตลาดพร้าว ทั้งนี้ ป.ป.ช. ส่งเรื่องให้ อัยการสูงสุดยื่นศาลขอยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน พร้อมแจ้งหน่วยงานต้นสังกัดสั่งพ้นจากตำแหน่งภายใน 60 วัน หากยึดทรัพย์ไม่ได้ครบ ให้ศาลบังคับเอาทรัพย์อื่นแทนใน 10 ปี อนึ่ง กษิดิ์เดช เคยเป็น ส.ก.กทม. และอดีต ส.ส.พลังประชารัฐ เขต 8 ปัจจุบันย้ายมาสังกัด พรรคภูมิใจไทย.

(6) ชงท่องเที่ยวเข้า ครม.เศรษฐกิจหน้า – เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯและรมว.คลัง แถลงภายหลังการประชุม กนศ. ว่า วาระสำคัญเพื่อทบทวนแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วง 4 เดือน โดยวันนี้ (15) ได้เริ่มเดินหน้าในการเปิดลงทะเบียนร้านค้าสำหรับโครงการคนละครึ่งพลัส ส่วน สัปดาห์หน้าจะเสนอมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเข้าสู่ที่ประชุม ครม. โดยกระทรวงการคลังจะเสนอ มาตรการทางภาษี โดยให้สิทธิในการลดหย่อนภาษีได้สูงสุดคนละ 20,000 บาท สำหรับ การท่องเที่ยวเมืองหลัก 1 เท่า และ เมืองรอง 1.5 เท่า เริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค. ถึง 15 ธ.ค. 2568.

(7) ถก ธปท. กรอบเงินเฟ้อปี’69 – นายกฯ และรมว.คลัง เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เผยว่า เร็วๆ นี้ ตนจะหารือกับ วิทัย รัตนากร ผู้ว่าการ ธปท. เพื่อทบทวนกรอบเงินเฟ้อปี 2569 หลังเงินเฟ้อทั่วไปติดลบหลายเดือนติดต่อกัน ยอมรับสถานการณ์สะท้อนราคาพลังงานและอาหารสดลดลงต่อเนื่อง กดตัวเลขเงินเฟ้อให้ต่ำ อย่างไรก็ตาม “เงินเฟ้อพื้นฐาน” ยังเป็นบวก แสดงว่ากำลังซื้อในประเทศยังไม่ทรุด ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง และธปท. จะร่วมวางกรอบใหม่เพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจพร้อมใช้เป็นฐานกำหนดนโยบายการเงินและการคลังปีหน้า.

(8) หุ้นไทยเด้งดี “ปิดบวก” 20.31 จุด  – ตลาดหุ้นไทย 15 ต.ค. ปิดบวก 20.31 จุด (+1.60%) ที่ระดับ 1,286.69 จุด มูลค่าซื้อขาย 46,484 ล้านบาท โดยแรงซื้อพุ่งจากกลุ่มแบงก์และหุ้นเทคฯ นำโดย DELTA และ KBANK หลังเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยปีนี้ ด้าน นักกลยุทธ์ บล.กสิกรไทย กรภัทร วรเชษฐ์ ชี้ว่า…นักลงทุนเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย ขณะที่ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ มองแนวโน้มยัง “ไซด์เวย์อัพ” โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1,290 จุด แรงหนุนหลักจากคาดการณ์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยชุดใหม่ของรัฐบาล ด้าน นักวิเคราะห์เตือน! จับตาความผันผวนจากจีนคว่ำบาตรบริษัทสหรัฐฯ อาจกดดันตลาดระยะสั้น หาก SET ทะลุ 1,290 จุดได้ มีโอกาสขยับต่อถึงกรอบ 1,300 จุด ในสัปดาห์นี้.

(9) ตลท. – EEC จ่อโรดโชว์ดึงทุนนอก – อัสสเดช คงสิริ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมหารือกับ  จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. วางแนวทางสร้าง Financial Ecosystem หนุนการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ตั้งเป้าดึงเงินทุนทั้งใน–ต่างประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรม New S-Curve เช่น ดิจิทัล – ยานยนต์อัจฉริยะ หวังผลักดันผู้ประกอบการในพื้นที่ยกระดับมาตรฐานสู่การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศเตรียมจัด Roadshow ทั้งในและต่างประเทศโชว์ศักยภาพ EEC ดึงนักลงทุนทั่วโลก เพิ่มช่องทางเข้าถึงแหล่งทุนและสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคเอกชน ทั้งสองหน่วยงานย้ำเป้าร่วม “ยกระดับธุรกิจไทย สร้างเศรษฐกิจยั่งยืนใน EEC”.

(10) เปิดตัวบัตรแห่งการเดินทางเหนือระดับ – ความร่วมมือระหว่าง CardX (เครือ SCB X) ที่ผนึกกำลังกับ King Power สะท้อนสัญลักษณ์ของการเดินทางเหนือระดับ ผ่านการ เปิดตัวบัตรเครดิตใหม่ดีไซน์หรู “CardX KING POWER PLATINUM Mastercard” ชูแนวคิด “Discover the Unseen” ตอบโจทย์นักเดินทางยุคใหม่ด้วยสิทธิประโยชน์ครบทุกมิติ รับคะแนน POINTX สูงสุด 3 เท่าในหมวดท่องเที่ยว–ร้านอาหาร และเครดิตเงินคืนผ่าน Mastercard Travel Rewards พร้อมส่วนลดสูงสุด 20% ที่ King Power และประกันการเดินทางคุ้มครองสูงสุด 8 ล้านบาท โดย นลินทิพย์ เผือกสุวรรณ CMO CardX ตั้งเป้ามีผู้สมัครกว่า 200,000 รายภายในปี 2569 ขณะที่ ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ CEO King Power เผย! เป็น พันธมิตรเชิงกลยุทธ์เสริม Travel Retail Ecosystem สำหรับลูกค้าใหม่สมัครภายใน 31 ธ.ค. 2568 รับฟรี! กระเป๋าเดินทาง “Wonder Turquoise” มูลค่า 5,990 บาท ศึกษาเงื่อนไขและรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.cardx.co.th.

(11) กสม. ยินดีสงครามกาซายุติ – คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์ ยินดีต่อข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาสทั้งนี้ กสม.เห็นว่าถือเป็นก้าวสำคัญยุติความขัดแย้งและความสูญเสียในฉนวนกาซาที่ดำเนินมานานกว่า 2 ปี โดยหวังให้ข้อตกลงนี้นำไปสู่ กระบวนการสันติภาพถาวร บนหลักสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมสากล พร้อมกับเรียกร้องทุกฝ่าย ยุติความรุนแรง เคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ผลักดันการเยียวยาและฟื้นฟูประชาชนที่ได้รับผลกระทบ อีกทั้ง ยังหวังว่าบรรยากาศแห่งสันติในตะวันออกกลางจะขยายมาสู่การคลี่คลายปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา โดยย้ำให้รัฐบาลดำเนินการภายใต้กฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนเพื่อประโยชน์ของชาติ.

และ (12) เตือนต้องมี “QR Code + มอก.” – การไฟฟ้านครหลวง (MEA) ออกคำเตือนประชาชน เลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย ต้องมี “เครื่องหมาย มอก.” ย้ำ! ต้องตรวจสอบผลิตภัณฑ์ให้สมบูรณ์ ไม่มีรอยชำรุด ป้องกันไฟรั่ว ไฟดูด และไฟไหม้ภายในบ้าน ทั้งนี้ เครื่องหมาย มอก. รับรองโดย สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ผ่านการตรวจสอบคุณภาพสากล ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจะต้องมี QR Code คู่กับ เครื่องหมาย มอก. เพื่อให้ตรวจสอบข้อมูลได้ทันที ยกตัวอย่างอุปกรณ์สำคัญ เช่น พัดลม (มอก.934), หม้อหุงข้าว (มอก.1039), เตารีด (มอก.366), ตู้เย็น (มอก.2186) พร้อมกันนี้ ยังได้แนะให้ ติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ และใช้งานตามคู่มืออย่างถูกวิธีเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ตรวจสอบสินค้ามาตรฐานได้ผ่านเว็บไซต์ สมอ. ที่ http://appdb.tisi.go.th แล้วพบกันใหม่…พรุ่งนี้!!!.