ชู! IP Financing ‘เปลี่ยนทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทุน’ หนุน SMEs ไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายขึ้น

“อธิบดีฯอรมน” ลุยขับเคลื่อนนโยบาย “ทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อธุรกิจ” ชูโครงการ “IP Financing” ประเมินมูลค่าและเปลี่ยนทรัพย์สินทางปัญญาเป็น “ทุน” เพิ่มโอกาส SMEs ไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายและสะดวกขึ้น

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการเดินหน้านโยบาย “IP 4 All” ในประเด็นทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อธุรกิจ (IP for Business) ผลักดันโครงการ “IP Financing” หรือ การประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญาและเปลี่ยนเป็นทุน เพื่อให้นักธุรกิจ ภาคเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการ SMEs สามารถใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหลักประกันในการระดมทุน หรือขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากสถาบันการเงินได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ และสร้างแรงจูงใจในการคิดค้นพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อันเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยให้เติบโต และนำพาประเทศก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง

พร้อมกับย้ำว่า การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการไทยด้วยทรัพย์สินทางปัญญา ถือเป็นหนึ่งในนโยบาย Quick Big Win ที่นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ มอบหมายให้กรมฯ เร่งผลักดันอย่างจริงจัง เนื่องจากในระยะที่ผ่านมา ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SMEs ต่างได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความผันผวนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจโลกอย่างมาก ทั้งปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และปัจจัยท้าทายรอบด้าน อาทิ การกีดกันทางการค้า ข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งทุน การขาดแคลนเทคโนโลยีและการพึ่งพานวัตกรรมจากต่างประเทศ เป็นต้น

ทั้งนี้ ปัจจุบัน SMEs ไทยมีสัดส่วนกว่า 99% ของภาคธุรกิจทั้งหมด และเป็นแหล่งจ้างงานกว่า 70% ของการจ้างงานทั้งหมดภายในประเทศ ดังนั้น ความท้าทายที่ SMEs ต้องเผชิญย่อมส่งผลโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจไทยในภาพรวมที่มีการเติบโตแบบชะลอตัว และเป็นอุปสรรคสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ส่งผลให้ประเทศไทยต้องติดหล่มกับดักรายได้ปานกลางมานานหลายปี
ดังนั้น กรมทรัพย์สินทางปัญญา จึงมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้สามารถใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเสริมแกร่งธุรกิจให้เติบโตอย่างมีศักยภาพและเป็นรูปธรรม สามารถนำนวัตกรรม ผลงานวิจัยพัฒนา และผลงานการสร้างสรรค์ของคนไทยที่เข้าสู่กระบวนการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญามาประเมินมูลค่า เพื่อเข้าถึงแหล่งทุนของภาคธุรกิจ (IP Financing) ทั้งระดมทุนจากนักลงทุนหรือกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน ซึ่งจะเพิ่มโอกาสและทางรอดของ SMEs ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างเข้มแข็งในยุคปัจจุบัน

ทั้งนี้ ปัญหาที่ทำให้การใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญา เช่น สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ เป็นต้น ยังไม่แพร่หลายหรือได้รับการยอมรับเท่าที่ควรในช่วงที่ผ่านมา เพราะยังขาดความเชี่ยวชาญและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญา และขาดตลาดกลางในการซื้อ-ขายทรัพย์สินทางปัญญาในวงกว้าง

โดย แผนการดำเนินงานจากนี้ไป กรมฯ จะเร่งประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีต่างๆ อาทิ ตลาดทุน สถาบันการเงิน สมาคมประเมินมูลค่าทรัพย์สิน รวมทั้งนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญาทั้งของไทยและต่างประเทศ ร่วมหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลและความเห็นจากกรณีศึกษาและประสบการณ์ ตลอดจนความสำเร็จของประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์ จีน และเกาหลีใต้ เพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดของไทย ไปสู่การวางรากฐานการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญาไทยและการนำทรัพย์สินทางปัญญาไปใช้เป็นทุนหรือหลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการจัดทำแผนธุรกิจ การกำหนดกลยุทธ์ในการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา และการยกระดับศักยภาพ (Upskill) ของ SMEs
ทั้งนี้ กรมฯ เตรียมร่วมกับหน่วยงานภาคี จัดการสัมมนาและกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการประเมินมูลค่าและใช้ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นหลักประกันธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยที่มีทรัพย์สินทางปัญญา แต่ยังไม่มีเงินทุน สามารถมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งทรัพย์สินทางปัญญาประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิบัตร อนุสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า ความลับทางการค้า ล้วนมีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาลและสามารถใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจได้
นางอรมน กล่าวเสริมว่า ทรัพย์สินทางปัญญามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจในโลกยุคปัจจุบัน หากไทยสามารถวางรากฐานให้ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่พลิกวิกฤติทางเศรษฐกิจให้เป็นโอกาสของ SMEs ไทย อีกทั้งยังกระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมและต่อยอดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและยกระดับเศรษฐกิจของประเทศให้ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมอย่างยั่งยืน ต่อไป.