กนอ. จัดงาน ‘I-EA-T IMPACT 2025’ เผยผลประเมินมาตรฐานโลก ชี้โรงงานไทยสร้างคุณค่าทางสังคมกว่าหมื่นล้าน

กนอ. จัดงาน “I-EA-T IMPACT 2025” นำเสนอผลการประเมินผลลัพธ์เชิงสังคม (Social Impact Assessment: SIA) ครั้งแรกของประเทศ ชี้โรงงานไทยสร้างมูลค่าทางสังคม 1.2 หมื่นล้านบาท พิสูจน์ “อุตสาหกรรมดี อยู่คู่ชุมชนได้” ด้วยระบบประเมินมาตรฐานโลก

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวถึงงานแถลงผลลัพธ์เชิงสังคมครั้งสำคัญ “I-EA-T IMPACT 2025” ภายใต้แนวคิด “เชื่อมโยงคุณค่า สู่อนาคตยั่งยืน” (Connecting Social Value to a Sustainable Future) ว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมในยุคปัจจุบันไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ต้องสอดคล้องกับคุณค่าทางสังคมและสิ่งแวดล้อม โครงการ SIA เป็นกลไกสำคัญในการสร้างสมดุลและนำประเทศไทยสู่มาตรฐานอุตสาหกรรมระดับโลก วันนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการยกระดับนิคมอุตสาหกรรมไทยสู่มาตรฐานโลก ที่ไม่ได้วัดเพียงผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจ แต่ยังสะท้อนถึงคุณค่าทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ส่งมอบให้แก่ประเทศและประชาชน กนอ. เริ่มโครงการ SIA ตั้งแต่ปี 2567 เพื่อพัฒนากรอบมาตรฐานสากลที่เหมาะสมกับประเทศ เพื่อสะท้อนผลลัพธ์เชิงสังคมอย่างโปร่งใส และตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน

โดย กนอ. นำกรอบมาตรฐานสากล SDG IMPACT STANDARD จาก UNDP มาใช้ในการประเมิน ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมตอบโจทย์นโยบายของประเทศ“อุตสาหกรรมดี อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน” ได้อย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับโครงการนำร่องในปี 2568 ครอบคลุม 14 นิคมอุตสาหกรรมและ 1 ท่าเรืออุตสาหกรรม ที่ กนอ. บริหารงานเอง ผลลัพธ์ที่ได้สะท้อนถึงความสำเร็จในหลายมิติ ดังนี้

มิติเศรษฐกิจ: เครื่องยนต์สร้างโอกาส จากการดำเนินงานของ 1,344 โรงงานอุตสาหกรรม ในพื้นที่ 15 แห่ง สามารถประเมินโอกาสมูลค่าทางเศรษฐกิจได้รวมกว่า 862,581 ล้านบาท พร้อมทั้งสร้างงาน 306,070 ตำแหน่ง กระจายโอกาสสู่แรงงานไทยทั่วประเทศ เครือข่ายคู่ค้า 130,105 ราย สร้างห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง กระจายรายได้สู่ธุรกิจไทยทุกระดับ สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

มิติสังคม: จากโรงงานสู่พันธมิตรชุมชน สิ่งที่น่าประทับใจคือความร่วมมือระหว่างสำนักงานนิคมอุตสาหกรรม/ท่าเรืออุตสาหกรรม กับโรงงานอุตสาหกรรมในการพัฒนาชุมชน ประกอบด้วย 1.โครงการเพื่อชุมชน 3,103 โครงการ ครอบคลุมการพัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษา สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม 2.สร้างมูลค่าทางสังคม 12,560 ล้านบาท เป็นคุณค่าที่ส่งมอบให้แก่ชุมชนโดยรอบนิคมฯ ท้องถิ่น ผู้ประกอบการ และสังคมไทย 3.วันจิตอาสา 304,815 วัน สะท้อนความผูกพันและความรับผิดชอบต่อสังคม และ4.ยกระดับวิสาหกิจชุมชน 405 กลุ่ม กระจายใน 11 จังหวัด สร้างรายได้และความเข้มแข็งให้ชุมชนฐานราก

มิติความปลอดภัย: มาตรฐานที่ไว้วางใจได้ กนอ. ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งจากผลการประเมินพบว่า มีการลงทุนยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยมูลค่า 3,006 ล้านบาท ในระบบป้องกันและเฝ้าระวัง ซ้อมแผนฉุกเฉิน 7,867 ครั้ง ครอบคลุมทั้งระดับนิคมอุตสาหกรรมและโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อความพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ และอัตราเหตุภาวะฉุกเฉินเฉลี่ย 0.86 ครั้งต่อนิคม จากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพสูง

มิติสิ่งแวดล้อม: ลงทุนเพื่ออนาคตสีเขียว แม้การดำเนินงานอุตสาหกรรมมีต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมจากการใช้ทรัพยากร (น้ำ ไฟฟ้า พลังงาน) รวม 3,755 ล้านบาท แต่ กนอ. และผู้ประกอบการมุ่งมั่นลดผลกระทบอย่างจริงจัง: เทคโนโลยีล้ำหน้าเพื่อสิ่งแวดล้อม มีระบบออนไลน์เฝ้าระวังและเตือนภัยมลพิษ ระบบวัดคุณภาพน้ำ (BOD/COD) แบบออนไลน์เพื่อควบคุมคุณภาพน้ำ ระบบติดตามการเคลื่อนย้ายกากของเสียแบบ Real Time

นอกจากนี้ ภายในงาน กนอ. ให้เกียรติและยกย่อง 6 ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมนำร่อง ที่เข้าร่วมโครงการประเมิน SIA ปี 2568 ด้วยความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ ได้แก่ 1.บริษัท ศรีไทย มิยากาวา จำกัด 2.บริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) 3.บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด 4.บริษัท โคเวสโตร (ประเทศไทย) จำกัด 5.บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ 6.บริษัท อินเว (ประเทศไทย) จำกัด โดยบริษัททั้ง 6 แห่งนี้ไม่เพียงเป็นผู้นำในการสร้างคุณค่าทางธุรกิจ แต่ยังเป็นผู้บุกเบิกในการพิสูจน์ว่า ความสำเร็จทางเศรษฐกิจและความรับผิดชอบต่อสังคมเดินไปด้วยกันได้ ข้อมูลจากบริษัทเหล่านี้จะเป็น Social Impact Baseline หรือข้อมูลฐานปีแรก ที่จะนำไปสู่การตั้งเป้าหมายและสร้างมาตรฐานให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ ทั่วประเทศในอนาคต

“การเปิดกลยุทธ์ผลักดัน I-EA-T IMPACT และกลไกการประเมิน SIA เป็นจุดเริ่มต้นที่จะช่วยสะท้อนสิ่งที่เราเชื่อและผลักดันมาอย่างต่อเนื่องให้เป็นรูปธรรม เสริมพลังให้สำนักงานนิคมฯ เป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์ อำนวยการและกระตุ้น (Impact Catalyst) ให้เกิดการทำให้ความยั่งยืนแปลงสู่ผลลัพธ์สู่สังคมที่เป็นรูปธรรม จับต้องได้ (Social Value Creation) ซึ่งแนวคิด “Impact Catalyst” นี้จะเปลี่ยนบทบาทของนิคมอุตสาหกรรมจากเพียงผู้ให้บริการพื้นที่และสาธารณูปโภค มาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่กระตุ้นให้เกิดคุณค่าทางสังคมอย่างเป็นระบบและยั่งยืน” นายสุเมธ กล่าว

ผู้ว่าการ กนอ. เน้นย้ำว่า โครงการนี้สอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมไทย 4.0 ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) และแผนการยกระดับเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green) ที่รัฐบาลผลักดัน ซึ่ง กนอ. มุ่งส่งเสริมการเชื่อมโยงภาคี ภาควิชาการ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (สกสว.) ตลอดจนอุทยานวิทยาศาสตร์ ในการร่วมนำนวัตกรรมมาสู่การยกระดับอุตสาหกรรมสะอาดและสร้างคุณค่าทางสังคม เช่น เทคโนโลยีและพลังงานสะอาด นวัตกรรมการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน ทั้งหมดนี้มุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และการสร้าง Green Supply Chain ที่ครบวงจร ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลกที่ให้ความสำคัญกับสินค้าและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password