ดัชนีราคาผู้ผลิต ส.ค.68 หดทุกตัว เหตุปมแข่งขันด้านราคาในตลาดส่งออก/อุปทานส่วนเกินสูง

“ผอ.สนค.” เผย! ดัชนีราคาผู้ผลิตของไทย ส.ค. 2568 ปรับตัวลดลงในทุกกลุ่ม ตามการแข่งขันด้านราคาในตลาดส่งออก และอุปทานส่วนเกินในตลาดโลกสูง รวมถึงเงินบาทแข็งค่า กำลังซื้อหดตัวจากปมเศรษฐกิจชะลอตัว แนะรัฐบาลใหม่ เร่งยุติปัญหาชายแดน กระตุ้นบริโภคในประเทศ และหาตลาดใหม่

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) เปิดเผยถึงภาพรวม ดัชนีราคาผู้ผลิตของไทย ประจำเดือนสิงหาคม 2568 ว่า หดตัวจากราคาสินค้าในทุกหมวด เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2567 โดย ราคาสินค้าหมวดผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร จากอุปทานส่วนเกินในประเทศสูงตามปริมาณผลผลิตที่ออกมาก ประกอบกับ การแข่งขันที่สูงในตลาดส่งออก หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง และผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มีทิศทางเคลื่อนไหวตามการแข่งขันด้านราคาของตลาดโลก ประกอบกับค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่า โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนสิงหาคม 2568 เท่ากับ 108.3 เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2567 ลดลงร้อยละ 3.5 (YoY) เป็นผลจาก การลดลงของราคาสินค้า หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง ลดลงร้อยละ 10.7 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ประกอบด้วย ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว จากฐานราคาของปีก่อนที่สูง ประกอบกับ การส่งออกในปีนี้หดตัวค่อนข้างมาก อ้อย จากฐานราคาของปีก่อนที่สูงประกอบกับมีปริมาณผลผลิตมากตามพื้นที่เพาะปลูกที่เพิ่มขึ้น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตามการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ทดแทนจากต่างประเทศส่งผลให้ราคาปรับลดลง หัวมันสำปะหลังสด จากความต้องการที่ลดลงในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง จึงส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าสำคัญลดลง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ยางพารา จากราคาส่งออกในปีนี้ที่ลดลงตามการชะลอคำสั่งซื้อจากตลาดปลายทาง พืชผัก (มะนาว พริก กระเทียม) จากปริมาณผลผลิตที่มากขึ้นกว่าปีก่อนตามสภาพอากาศที่เหมาะสม ผลไม้ (ทุเรียน ลำไย) จากราคาส่งออกที่หดตัวตามคุณภาพผลผลิตที่ลดลง และ โคมีชีวิต จากความต้องการบริโภคที่ลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาหน้าฟาร์มลดลง

สำหรับ สินค้าที่ราคาปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย ผลปาล์มสด จากปริมาณผลผลิตในตลาดโลกที่มีน้อย ในขณะที่ความต้องการสินค้าเพิ่มจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ สุกรมีชีวิต จากต้นทุนการควบคุมโรคที่สูงขึ้น ประกอบกับความต้องการบริโภคในปีนี้ปรับตัวดีขึ้น และ กุ้งแวนนาไม จากปริมาณผลผลิตที่มีน้อยจากต้นทุนการเพาะเลี้ยงที่สูงขึ้น ประกอบกับความต้องการที่มากขึ้นในตลาดส่งออก หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 13.0 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งราคาเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดโลก สินแร่โลหะ (แร่เหล็ก สังกะสี ยิปซัม) จากอุปสงค์ชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ขณะที่มีการเพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ได้จากการทำเหมือง (หินก่อสร้าง) จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการ และ หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 2.2 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเตา น้ำมันก๊าด ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และน้ำมันหล่อลื่น เนื่องจากเคลื่อนไหวตามทิศทางราคาตลาดโลก กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ สารพอลิเมอร์และสารเคมีอินทรีย์อื่น ๆ เม็ดพลาสติกและพลาสติกขั้นต้น ปรับราคาลดลงตามน้ำมันปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติที่เป็นวัตถุดิบหลัก

กลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า แผงวงจรพิมพ์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำและวงจรรวม Integrated Circuit (IC) อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และอุปกรณ์รับข้อมูล/แสดงผล ปรับตามอุปสงค์ที่ชะลอตัว และ กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ มันเส้น น้ำตาลทราย ข้าวสารเจ้า ข้าวนึ่ง ปลาสดแช่แข็ง ปลาป่น และปลากระป๋อง ตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่แข็งค่า ประกอบกับการแข่งขันด้านราคาของตลาดโลก ขณะที่มีการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้แก่ ทองคำ และเครื่องประดับ (เครื่องประดับเงิน เครื่องประดับพลอย) จากอุปสงค์ของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น
แนวโน้มดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนกันยายน ปี 2568 มีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสำคัญจาก 1) สินค้าและวัตถุดิบราคาถูกจากต่างประเทศที่มีแนวโน้มเข้ามาเพิ่มขึ้นตามการลดต้นทุนของผู้ประกอบการ กดดันราคาสินค้าของผู้ผลิตในประเทศ 2) การปรับลดราคาสินค้าส่งออกชดเชยอัตราภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐ เพื่อคงความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิต 3) การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในการหาตลาดปลายทางใหม่ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออก กดดันราคาสินค้าในภาคการส่งออก และ 4) การปิดด่านบริเวณชายแดนที่ส่งผลกระทบต่อทั้งการค้าชายแดน การค้าผ่านแดน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่โดยรอบ ทั้งนี้ จะต้องมีการติดตามและประเมินผลสถานการณ์ภาคการผลิตอย่างใกล้ชิด
นายพูนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนสิงหาคม 2568 ปรับตัวลดลงในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์จากปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้นทั้งในตลาดส่งออกสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรมจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกรายสำคัญ ค่าเงินบาทที่แข็งค่า และกำลังซื้อภายในประเทศที่อ่อนแอตามสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทั้งนี้ ควรเร่งยุติสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดน เพื่อฟื้นฟูการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน ไปพร้อมกับการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และการขยายตลาดใหม่ เพิ่มเติม.