“โฆษกรัฐบาล” คาดโทษฝ่ายปกครอง – 5 เสือสถานีตำรวจทั่วไทย หากพบปล่อยบุหรี่เถื่อนเกลื่อนเมือง เอาผิดไม่ต่างจากคดียาเสพติดหรือเปิดสถานบันเทิงเกินเวลา ลั่น! รัฐบาลโชว์ผลงานขจัดขายบุหรี่ไฟฟ้า ปิดฉากหน้าร้าน 100% เหลือแอบขายหลังร้านและออนไลน์แค่ 20% พร้อมขจัดให้สิ้น! ส่วนบุหรี่เถื่อนและปลอม ยอมรับกำหราบยาก แต่พร้อมบูรณาการแก้ปัญหา ล่าสุด ตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ขึ้นใหม่ ดูแลสินค้าผิดกฎหมายทุกประเภททั่วไทย เผย! แต่ละปีพบบุหรี่ผิดกฎหมายทำความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจไทยถึง 30,000 ล้านบาท

เมื่อช่วงสายวันนี้ (22 ส.ค.2568) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดงานเสวนา “ปัญหาบุหรี่ผิดกฎหมายในประเทศไทย” จัดโดย คณะอนุกรรมการกำกับดูแลบริหารการป้องกันและปราบปรามบุหรี่ผิดกฎหมาย โดยย้ำว่า จากนโยบายที่เอาจริงเอาจังและเข้มข้นของรัฐบาลในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้ปัญหาหาบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าหายไปจากระบบเป็นจำนวนมาก จากเดิมที่พบเห็นการวางจำหน่ายบริเวณหน้าร้านค้าทั่วไป ซึ่งจากข้อมูลพบว่า มีร้านจำหน่ายบุุหรี่ไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลราว 500 ร้านค้า และหากนับรวมทั่วประเทศจะมีมากกว่า 2,000 ร้านค้า แต่ในวันนี้ ไม่มีแล้ว ถือว่าสำเร็จ  100% แต่กลับพบว่าร้านค้าเหล่านี้ แอบนำไปจำหน่ายบริเวณหลังร้าน และขายผ่านช่องทางออนไลน์ราว 40-50% ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องดำเนินการเชิงรุกในการปราบปรามอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า ณ ปัจจุบันเหลือเพียง 20%

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกองทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายปกครอง กระทรวงการคลัง และอื่นๆ เพื่อมุ่งมั่นปราบปราบบุหรี่ไฟฟ้าต่อไป ขณะที่การปราบปรามผู้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ ซึ่งเป็น “กลุ่มต้นทาง” ก็สามารถจับกุมได้อย่างต่อเนื่องเช่นกันส่วนปัญหาบุหรี่เถื่อน ประกอบด้วย บุหรี่หนีภาษีและบุหรี่ปลอม นั้น ยอมรับว่า การปราบปรามยังทำได้ไม่ดีเท่ากับบุหรี่ไฟฟ้า แต่ยืนยันว่ารัฐบาลจะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะทรวงการคลังและการยาสูบฯดำเนินการปราบปรามบุหรี่ผิดกฎหมาย ต่อไป

“รัฐบาลคาดโทษกับหน่วยงานภาครัฐ โดยฝ่ายปกครองทั่วประเทศ ไม่ว่าจะในระดับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนันและผู้ใหญ่บ้าน รวมถึง 5 เสือประจำสถานีตำรวจ ทั้งตำรวยนครบาลและตำรวจภูธร หากปล่อยปละละเลยกับปัญหาบุหรี่ผิดกฎหมาย  ก็จะมีความผิด ไม่ต่างจากกรณียาเสพติด หรือสถานบันเทิงเปิดเกินเวลาแต่อย่างใด” นายจิรายุ ระบุและว่า ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ดำเนินการปราบปรามในส่วนของต้นทาง และไม่เฉพาะกับบุหรี่ผิดกฎหมาย แต่ยังรวมถึงการลักลอบนำเข้าสินค้าหนีภาษีอื่นๆ โดยเฉพาะ กลุ่มสินค้าแบรนด์เนม ล่าสุด รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ ซึ่งเป็น “คณะใหญ่” ครอบคลุมหน่วยงานต่างๆ คอยกำกับดูแลทุกพื้นที่ของประเทศ โดยอยู่ระหว่างรอการแต่งตั้งจาก “รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี” (นายภูมิธรรม เวชชชัย) และจะมีหน้าที่ดูแลปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย (หนีภาษี) ทั้งระบบ ซึ่งจะคอยดูแลและป้องกันปัญหาการลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมายบริเวณตามแนวชายแดนอย่างเต็มที่  คาดว่าคณะกรรมการชุดใหม่นี้จะดำเนินการจัดตั้งแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้

รายงานข่าวจากการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ระบุถึง สถานการณ์บุหรี่ผิดกฎหมายในประเทศไทย พบว่า มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อรายได้ภาษีของรัฐบาล และสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และสุขภาพของประชาชน คาดการณ์ความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่าปีละ 30,000 ล้านบาท.