กยศ. รับงบ 3.1 พันลบ. จัดสรรให้ ‘ผู้กู้รายใหม่’ ปีการศึกษา’68 มุ่ง ‘เด็กยากไร้ – หลักสูตรที่ชาติต้องการ’

“ผู้จัดการ กยศ.” เผย! รับเงิน 3,100 ล้านบาท จากงบกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล นำจัดสรรเงินเพื่อการกู้ยืมครั้งที่ 1 ปีการศึกษา 2568 เป็นค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพแก่ “ผู้ขอกู้ยืมรายใหม่” ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือเรียนหลักสูตรที่ชาติขาดแคลน เป็นความต้องการหลักของประเทศ มุ่งพัฒนาทุนมนุษย์ด้านการศึกษาเพื่อการวางรากฐานเศรษฐกิจให้กับประเทศ ตามนโยบายรัฐบาล
ดร.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า จากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ได้มีมติเห็นชอบข้อเสนอโครงการรายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท โดย กยศ. ได้รับจัดสรรงบประมาณจำนวน 3,100 ล้านบาท ตามโครงการการพัฒนาทุนมนุษย์ด้านการศึกษาเพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจให้กับประเทศ เป็นการลงทุนในทุนมนุษย์ในการเตรียมทรัพยากรมนุษย์ในประเทศให้รองรับภาคการผลิต และจะช่วยปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยให้เอื้อต่อการเติบโต และกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ กยศ. ได้ดำเนินการจัดสรรเงินกู้ยืมครั้งที่ 1 ของปีการศึกษา 2568 ตามเงื่อนไขที่ขออนุมัติงบประมาณ สำหรับเป็นค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพให้แก่นักเรียน/นักศึกษาผู้ขอกู้ยืมรายใหม่ มุ่งเน้นการให้เงินกู้ยืมกับผู้กู้ยืมกลุ่มที่ศึกษาในหลักสูตรที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และศึกษาในสาขาวิชาที่เป็นความต้องการหลักของประเทศ หลักสูตรที่พัฒนาทุนมนุษย์ด้านการศึกษาเพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจให้กับประเทศในหลักสูตรระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค (ปวท.) สำหรับหลักสูตรระดับอนุปริญญา/ปริญญาตรี ให้กู้ยืมในหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ Semiconductors & Quantum ประเภท Artificial Intelligence (AI) ประเภท Electric Vehicle (EV) รวมถึงหลักสูตรด้านการเกษตรสมัยใหม่ (Smart Farming) และ จัดสรรให้เฉพาะสถานศึกษาที่มีผลการกู้ปีที่ผ่านมา หลักสูตรวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลักสูตรสาธารณสุขศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ เภสัชศาสตร์ และหลักสูตรแพทยศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ เป็นลำดับแรก
“เมื่อ กยศ. ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมจะดำเนินการจัดสรรเงินครั้งต่อไป ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือให้โอกาสนักเรียน/นักศึกษาได้มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์แผนกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาทุนมนุษย์ด้านการศึกษาเพื่อการวางรากฐานเศรษฐกิจให้กับประเทศ ต่อไป” ดร.นันทวัน กล่าว.