ต่างชาติแห่ลงทุนในไทยครึ่งแรกปี’ 68 ทะลุ 1 แสนลบ. เผย! ทุนญี่ปุ่นอัดเงินทุนมากสุด!

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย! ตัวเลขการลงทุนของต่างชาติลงทุนในไทย แค่ครึ่งแรกปี 2568 ทะลุไปแล้ว 1 แสนล้านบาท กลุ่มทุนญี่ปุ่นลงทุนอันดับหนึ่ง 43,025 ล้านบาท ตามด้วย จีน 18,336 ล้านบาท และสิงคโปร์ 17,384 ล้านบาท ปลื้ม! ต่างชาติยอมถ่ายทอดเทคโนโลยี “องค์ความรู้เฉพาะด้าน” ให้ไทย ส่วนการลงทุนใน EEC พบต่างชาติสนใจลงทุนเพิ่ม 158 ราย

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะ เลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เปิดเผยว่า ครึ่งปีแรกของปี 2568 (มกราคม – มิถุนายน) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 502 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 123 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 379 ราย มูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 111,506 ล้านบาท โดย ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรกของครึ่งปีแรก 2568 ได้แก่…

1. ญี่ปุ่น 99 ราย คิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 43,025 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
– ธุรกิจการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ
– ธุรกิจบบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ
– ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรม
– ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์ช่วยพยุงข้อมือ สิ่งพิมพ์ลามิเนทเพื่อบรรจุภัณฑ์ อุปกรณ์สำหรับรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตร ชิ้นส่วนยานพาหนะ
2. สหรัฐอเมริกา 72 ราย คิดเป็นร้อยละ 14 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 2,797 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
– ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม
– ธุรกิจค้าปลีกสินค้า เช่น ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งยานพาหนะ เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องจักร/เครื่องมือ/อุปกรณ์/ชิ้นส่วน และส่วนประกอบที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ
– ธุรกิจบริการทำการตลาด รวมทั้งให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อพัฒนาธุรกิจ
– ธุรกิจบริการรับจ้างผลิต เช่น DC Cable โลหะผสมสำหรับผลิตเครื่องประดับ Captive Screw for PCB
3. จีน 65 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ ลงทุน 18,336 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
– ธุรกิจการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ
– ธุรกิจบริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้า
– ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และ/หรือ ให้บริการ
– ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชุดสายไฟแรงดันสูงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกชีวภาพ ชิ้นส่วนยานพาหนะ แผ่นพลาสติกพิมพ์ลาย
4. สิงคโปร์ 63 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ ลงทุน 17,384 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
– ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับตามที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง
– ธุรกิจบริการสนับสนุนและบริหารจัดการการวิจัยทางคลินิก
– ธุรกิจบริการ Data Center
– ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะทุบขึ้นรูป บรรจุภัณฑ์กระดาษเคลือบพลาสติกชีวภาพ แม่พิมพ์และชิ้นส่วนพลาสติก Printed Circuit Board
5. ฮ่องกง 51 ราย คิดเป็นร้อยละ 10 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย ลงทุน 8,309 ล้านบาท ในธุรกิจ อาทิ
– ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย
– ธุรกิจบริการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้า
– ธุรกิจบริการ Data Center
– ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ผลิตภัณฑ์ทางทันตกรรม ผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อการอุตสาหกรรม ชิ้นส่วนพลาสติก ชิ้นส่วนโลหะ
“ถือได้ว่าการเข้ามาประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทยในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมข้างต้น มีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการท่าเทียบเรือและความปลอดภัยการขนถ่ายสินค้า องค์ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการคลังสินค้า องค์ความรู้เกี่ยวกับสถานีจัดประจุไฟฟ้า เป็นต้น” อธิบดีฯอรมน กล่าวและว่า…
เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 117 ราย (เพิ่มขึ้น 30%) (เดือน ม.ค.-มิ.ย.68 อนุญาต 502 ราย / เดือน ม.ค.-มิ.ย.67 อนุญาต 385 ราย) และมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 30,019 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 37%) (เดือน ม.ค.-มิ.ย.68 ลงทุน 111,506 ล้านบาท / เดือน ม.ค.-มิ.ย.67 ลงทุน 81,487 ล้านบาท) รวมถึง มีการจ้างงานคนไทยจากนักลงทุนที่ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเพิ่มขึ้น 1,438 คน (เพิ่มขึ้น 78%) (เดือน ม.ค.-มิ.ย.68 จ้างงาน 3,286 คน / เดือน ม.ค.-มิ.ย.67 จ้างงาน 1,848 คน) โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่นเช่นเดียวกับปีก่อน
สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 (มกราคม – มิถุนายน) พบว่า มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 158 ราย คิดเป็นร้อยละ 31 ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จำนวน 42 ราย (เพิ่มขึ้น 36%) (เดือน ม.ค.-มิ.ย.68 ลงทุน 158 ราย / เดือน ม.ค.-มิ.ย.67 ลงทุน 116 ราย) และมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 62,851 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 56 ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยเป็นนักลงทุนจาก *ญี่ปุ่น 42 ราย ลงทุน 24,752 ล้านบาท *จีน 38 ราย ลงทุน 13,909 ล้านบาท *สิงคโปร์ 15 ราย ลงทุน 8,046 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ 63 ราย ลงทุน 16,144 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ
– ธุรกิจการค้าปลีกสินค้า เช่น เครื่องจักร เครื่องมือ และส่วนประกอบที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่และชิ้นส่วนของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนสำหรับซ่อมแซมเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตยางรถยนต์
– ธุรกิจบริการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรม
– ธุรกิจบริการเขต Data Center
– ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล
– ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ชิ้นส่วนโลหะหล่อขึ้นรูป ผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนกลุ่มภาพและเสียง หุ่นยนต์ที่ใช้สำหรับผลิตและตรวจสอบคุณภาพการผลิต ผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม เป็นต้น
ทั้งนี้ เฉพาะเดือนมิถุนายน 2568 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย 76 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 18 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) 58 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 22,563 ล้านบาท
ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจาก ญี่ปุ่น จีน และสิงคโปร์ ตามลำดับ มีการจ้างงานคนไทย 728 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าพลังงานพลังงานแสงอาทิตย์ องค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดเก็บสารเคมีอันตราย องค์ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการคลังสินค้า เป็นต้น
สำหรับ ธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในเดือนมิถุนายน 2568 ได้แก่
– ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การออกแบบและควบคุมกระบวนการผลิตสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น
– ธุรกิจการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบ สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ
– ธุรกิจบริการเขต Data Center
– ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เช่น ผลิตภัณฑ์โลหะและชิ้นส่วนโลหะหล่อขึ้นรูป ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกชีวภาพ อุปกรณ์สำหรับรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตร ชุดสายไฟแรงดันสูงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น.