ไปต่อ…ไม่(รอ)ลาออก-ไม่ยุบสภาฯ! เพียงเพราะเหตุผลนี้หรือ???

แรงกดดันสังคม ปม…คลิปเสียงสนทนา “แพทองธาร – ฮุน เซน” ทำอะไร “นายกฯอิ๊ง” ไม่ได้จริงๆ หรือจำเป็นต้องยื้อ เพื่อเป้าหมายปลายทางบางอย่าง? เป็นอะไรนั้น ลองไปสำรวจกันดู…
ไม่ต้องรอให้ถึง 10 ชม.จากเวลาเริ่มต้น 08.00 น. ของวันนี้ (19 มิ.ย.2568) เช่นที่ “มหาแก่” นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ “สื่อใหญ่ – คนดัง” ที่ได้ประมวลความคิดเห็นจากหลายภาคส่วน และนำไปสู่คาดการณ์ที่ว่า…
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างหนึ่งอย่างใด? จากกรณี “คลิปเสียง” การสนทนาระหว่าง ตัวเธอ ในฐานะ นายกรัฐมนตรีไทย กับ นายฮุน เซน ประธานองคมนตรี ของกัมพูชา ที่หลุดออกมาเมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.)
เพราะแค่ 4 ชม.หรือราว 12.00 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร พร้อมด้วย รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ผบ.เหล่าทัพ และหน่วยงานความมั่นคง ก็เปิดหน้าออกมา แถลงขอโทษคนไทยทุกคน กรณีที่มีคลิปเสียงหลุดออกมาแล้ว โดยยอมรับว่า…เป็นเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าเป็นเทคนิคการเจรจา และยังย้ำว่า…ได้โทรศัพท์ถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว พร้อมกันนี้ ยังยืนยันว่า กรณีกัมพูชาถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่ภัยคุกคามของประชาชน
ดังนั้น การจะเชียร์ว่า…รัฐบาลหรือกองทัพต้องสู้กัน เราไม่มีเวลาทะเลาะกันเอง ต้องปกป้องอธิปไตยของเราไว้
ก่อนจะระบบุว่า…รัฐบาลยืนยันซัพพอร์ตกองทัพทุกรูปแบบ
“วันนี้การที่เราออกมาจะทำอะไรหรือตัดสินใจในมิติต่างๆ ต้องคำนึงถึงประชาชนไทยที่อยู่ในกัมพูชาด้วย และประชาชนชายแดน เป็นสิ่งที่เราต้องคิดถึงและให้ความปลอดภัย” นายกฯแพทองธาร ระบุและย้ำว่า…
กระทรวงการต่างประเทศได้เสนอแนวทางผ่านทวิภาคี โดยเชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชา มายื่นหนังสือประท้วง แสดงความผิดหวังอย่างยิ่ง ที่มีการปล่อยคลิปเสียงออกมาเช่นนี้ เนื่องจากคงไม่มีประเทศในโลกที่ทำกันแบบนี้ โดยที่นำข้อมูลสนทนา อัดคลิปมาเผยแพร่ ถือเป็นการกระทำที่ทั่วโลกไม่ให้การยอมรับ
สรุป! ท่ามกลางเสียงก่นด่าของ ม็อบกลุ่มต่างๆ ที่ลงถนน…เดินขบวนขับไล่นายกรัฐมนตรี กรณีคลิปเสียงฯ ขณะที่ หลายคนโดยเฉพาะ บรรดา “นักร้อง” ต่างเดินทางมายื่นฟ้องต่อ น.ส.แพทองธาร ในหลายข้อหา ที่ล้วนแล้วแต่เป็นข้อหาฉกรรจ์ ถึงขั้นประหารชีวิต ก็มี
แถม…บางพรรคร่วมรัฐบาล ยังถือโอกาสนี้ ประกาศลาออกจากการร่วมรัฐบาล
ทว่า นายกฯแพทองธาร เลือกที่จะ “ไปต่อ” คือ เดินหน้าทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน โดยมีพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลือรวม 11 พรรค 256 เสียง พร้อมจะหนุนหลัง กันต่อไป
นักวิชาการบางคน โดยเฉพาะ รศ.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองปรากฏการณ์ “ไปต่อ” ของ นายกฯแพทองธาร โดยย้ำว่า…จะต้องเผชิญกับโจทย์ใหญ่ 4 เรื่องสุดท้าทาย นั่นคือ…
1.จะเรียกคืนความเชื่อมันจากพี่น้องประชาชนได้อย่างไร? โดยเฉพาะการที่ นายกฯแพทองธาร บอกว่า… “แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นคนละฝ่าย” และ “หาก (นายฮุน เซน) อยากได้อะไรให้บอกมา”
2.จะวางตัวอย่างไร เมื่อต้องผจญกับแรงต้านจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งมีทั้งองค์กร บุคคล และประชาชน ที่เห็นต่างและไม่พอใจอย่างที่สุด
3.จะรับมือกับสถานการณ์ “นิติสงคราม” จากการยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีหลากหลายข้อหาฉกรรจ์อย่างไร?
และ 4.ท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล ที่วันนี้…อาจจะยังนิ่งเฉย ทว่าเมื่อถึงเวลาสำคัญ อาจประกาศลาออกจากการร่วมรัฐบาล ตามพรรคภูมิใจไทย ซึ่งนั่น อาจเสี่ยงที่จะมีเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ระหว่างการประชุมสภาฯ พิจารณากฎหมายงบประมาณ หรือแม้แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ
อย่างไรก็ดี การแถลงการณ์ของ นายกฯแพทองธาร ในวันนี้ มีแค่คำขออภัย หาใช่…คำขอโทษประชาชน! แต่อย่างใด?
ที่สำคัญ…ไม่มีการพูดถึง “จุดยืน” ของคนเป็นนายกรัฐมนตรี ที่พอจะทำให้คนไทยได้มีความหวังมากขึ้นแต่อย่างใด? ด้วยซ้ำ!!!
หลายคนอดคิดไม่ได้ว่า…การที่ นายกฯแพทองธาร ประกาศ “ขอไปต่อ” ไม่ใช่…การลาออก หรือประกาศยุบสภาฯ นั้น ที่สุด! ผลของการกระทำและผลแห่งคดี ทั้งเรื่องเก่าและใหม่ โดยเฉพาะ อย่างหลัง…อาจเดินไปเร็ว เหมือนเมื่อครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 โดน
ครั้งนั้น…ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาวินิจฉัยเพียงไม่ถึง 1 เดือนครึ่ง และ เคสท์ของ นายกฯแพทอง ก็คงไม่มากไปกว่านั้น และมีแนวโน้มว่า…รอดยาก!!!
เนื่องเพราะ พยานเอกสารและหลักฐาน รวมถึง สาระสำคัญในคลิปเสียง มันชัดเจนว่า…เทคนิคการเจรจาส่วนตัวในเบื้องหลังนั้น ผลลัพธ์ที่มี…ไม่ต่างจากการเจรจาเบื้องหน้า ที่ก่อนหน้านี้ สังคมไทยอดสงสัยไม่ได้ว่า…
เหตุใด? การตอบโต้ของรัฐบาลไทยต่อทุกข้อกล่าวหาของทางฝั่งกัมพูชา ดูจะล่าช้า น้อยนิด และไม่ตรงประเด็น แถมยังมีเรื่อง…การมอบหมายอำนาจการตัดสินใจ “หน้างาน” ให้กองทัพภาคที่ 2 ดำเนินการ โดยเฉพาะเรื่องกำหนดเวลาเปิด-ปิดพรมแดนฯ
ที่สุด! มันคือเรื่องเดียวกันกระนั้นหรือ???
เพราะกลายเป็นว่า…การที่ นายกฯแพทองธาร บินข้ามฟ้าลงพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เพียงเพื่อจะให้ฝั่งไทย ขยับเวลาเปิด-ปิดด่านฯ ให้ตรงกับฝั่งของกัมพูชา โดยอ้างว่า…จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และเศรษฐกิจของ 2 ประเทศ
แต่จากคลิปเสียงที่ปรากฏความยาว 17 นาทีเศษ สะท้อนว่า…การกระทำของ นายกฯแพทองธาร ดูเหมือนจะมีนัยสำคัญแอบแฝง เสียมากกว่า…
ประเด็นที่หลายฝ่ายอดคิดไม่ได้ว่า…เหตุผลที่ นายกฯแพทองธาร ประกาศ “ขอไปต่อ” โดยไม่ยอมลาออก หรือยุบสภาฯ เป็นไปเพื่อ…ปกป้องอธิปไตยและดินแดนของชาติ หรือเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน จริงน่ะหรือ?
เกรงจะเป็นไปเพื่อเป้าหมายบางอย่าง? โดยเฉพาะ…
1.จัดวางคนในกระทรวงสำคัญๆ ช่วงแต่งตั้งโยกย้ายในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า เช่น การแต่งตั้งข้าราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ที่อุตส่าห์ไปยึดเอามาจากพรรคภูมิใจไทย หวังใช้งานจริง…ในคราวเลือกตั้งครั้งใหม่ ที่รอบนั้น…กระสุนก็คงถูกสาดกระเซ็นในทุกพื้นที่สนามเลือกตั้งแน่ๆ
2.รอให้ผ่านงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วงเงินกว่า 3.78 ล้านล้านบาท รวมถึงงบก้อนน้อยที่โยกมาจากเงินแจก 10,000 บาท มาลงโครงการยิบย่อย กระจายลงพื้นที่ที่อาจมีเป้าหมายในทางการเมืองในวันข้างหน้า
และ 3.ผลักดัน ร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ในการเปิดประชุมสมัยหน้า ในเดือน ก.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งก็น่าจะได้บรรจุวาระแรกเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ หลังจากเสร็จสิ้นการพิจารณางบฯปี 2569 แล้ว
เมื่อได้ครบ…จบในเป้าหมาย ก็มีความเป็นไปได้ว่า…อาจมีการประกาศยุบสภาฯ
ระหว่างนี้…การเดินสายกราบกราน เพื่อการต่อรองกับทุกภาคส่วน ให้ตัวเองได้อยู่ในอำนาจแค่ช่วง 1- 2 เดือน นั้น อาจเป็นจุดกำเนิดของวลีที่ว่า…. “ขอมา…ให้ไป” ปรากฏให้เห็นในแบบที่ไม่เป็นข่าว ยกเว้น! เป็นเรื่องไปแล้ว
ถึงตอนนั้น…ประเทศไทยและคนไทย จะสูญเสียอะไรไปบ้าง? ยังจะมีคลิปเสียงสนทนาหลุดออกมาให้ได้ยินได้ฟังอีกหรือเปล่า???.