‘พาณิชย์’ เผย! ‘ผู้เลี้ยงมะกัน’ กลัวสัตว์เลี้ยงอ้วน ชี้! สร้างโอกาสอาหารฯผลิตจากธรรมชาติของไทยรุกตลาดสหรัฐฯ

“ทูตพาณิชย์” แจงข้อมูลสำคัญ ผลสำรวจตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ เห็นแววรุ่ง! หลังคนนิยมเลี้ยงสัตว์ ดูแลเหมือนคนในครอบครัว แถมกลัวสัตว์อ้วน เปิดช่องให้กลุ่มสินค้าอาหารคุณภาพ ตอบสนองด้านสุขภาพเติบโตสูง ชี้! เป็นโอกาสไทย เหตุมีทั้งวัตถุดิบ มาตรฐานการผลิตสูง แนะชูจุดแข็งคุณภาพ ธรรมชาติ ปลอดภัย และใช้ช่องทางออนไลน์รุกตลาด
น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯได้รับรายงานจาก “ทูตพาณิชย์” น.ส.เกษสุรีย์ วิจารณกรณ์ ผอ.สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ถึงการสำรวจตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ โอกาสและวิธีการในการขยายการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง และสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงของไทย เจาะเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ

จากรายงานคาดการณ์การเติบโตของ ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ ระบุว่า ตลาดจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีมูลค่าสูงถึง 64.17 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2033 (ในอีก 8 ปีข้างหน้า) จาก 44.66 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2024 ซึ่งการขยายตัวนี้ ได้รับแรงหนุนจากอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี ที่แข็งแกร่งที่ 4.11% ในช่วงระหว่างปี 2025 ถึง 2033 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของตลาด ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยง ความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงระดับพรีเมียมและออร์แกนิก ตลอดจนความสนใจที่เพิ่มขึ้นในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์เลี้ยง โดย เจ้าของสัตว์เลี้ยง มีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพสูงและอาหารเฉพาะทางที่ตอบสนองต่อความต้องการด้านสุขภาพของสัตว์เลี้ยง เช่น การควบคุมน้ำหนัก การแพ้อาหาร

นอกจากนี้ เจ้าของสัตว์เลี้ยงยังมองว่าสัตว์เลี้ยงเป็นเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) ส่งผลให้เกิดความต้องการที่สูงขึ้นต่อแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพสูงและเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นออร์แกนิก ปราศจากธัญพืช หรือสูตรเฉพาะที่พัฒนาขึ้นตามความต้องการด้านสุขภาพของสัตว์เลี้ยง ซึ่งแนวโน้มดังกล่าว ยังช่วยส่งเสริมการเติบโตของกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเฉพาะทาง และกูร์เมต์ เนื่องจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงยินดีที่จะใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อดูแลสุขภาพและยืดอายุขัยของสัตว์เลี้ยงของตน
ขณะเดียวกัน เจ้าของสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ มีความใส่ใจในสุขภาพของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น โดยเฉพาะ ในเรื่องของโภชนาการและคุณค่าทางอาหารของผลิตภัณฑ์ที่เลือกให้สัตว์เลี้ยงบริโภค ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ ผลักดันความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงเชิงฟังก์ชันและโภชนาการเฉพาะทาง ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพเฉพาะ เช่น การควบคุมน้ำหนัก การดูแลข้อต่อ หรือการแพ้อาหาร กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในปี 2024 ที่ผ่านมา มีครัวเรือนในสหรัฐฯ ถึง 66% หรือประมาณ 86.9 ล้านครัวเรือนที่เลี้ยงสัตว์ โดยแบ่งเป็น 65.1 ล้านครัวเรือนที่เลี้ยงสุนัข 46.5 ล้านครัวเรือนที่เลี้ยงแมว และส่วนอื่น ๆ เลี้ยงปลา สัตว์ขนาดเล็ก และนก

อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ย้ำว่า จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯดังกล่าว ถือเป็นการเปิดโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะใน กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมและฟังก์ชันเฉพาะที่ตอบโจทย์เรื่องสุขภาพและโภชนาการ ด้วยจุดแข็งของประเทศไทยในด้านวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ปลา ข้าว และสมุนไพร รวมถึงมาตรฐานการผลิตที่สามารถพัฒนาให้เทียบเท่าสากล ผู้ประกอบการไทยสามารถสร้างความแตกต่างผ่านแบรนด์ที่เน้นเรื่องความเป็นธรรมชาติ คุณภาพ และปลอดภัย สร้างจุดขายให้กับสินค้าไทยได้ ส่วนช่องทางการเข้าสู่ตลาด ควรให้ความสำคัญกับการขายผ่านช่องทาอีคอมเมิร์ซและโมเดล Direct-to-Consumer เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคในสหรัฐฯ ได้โดยตรง และควรให้ความสำคัญกับการรับรองมาตรฐานระดับสากล การติดฉลากที่ชัดเจน และการควบคุมความปลอดภัยของส่วนผสมอย่างเข้มงวด รวมไปถึงการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในตลาดเป้าหมาย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและยกระดับการแข่งขันในตลาดอย่างยั่งยืน
สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169.
You may also like
