‘พาณิชย์’ เผยทิศทางขับเคลื่อนการค้าด้วยเทคโนโลยี – รับมือความท้าทายจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ

นายกฯแพทองธาร นั่งหัวโต๊ะ ประชุม หน.ส่วนราชการระดับกระทรวง ด้านเจ้าภาพ “ปลัดฯพาณิชย์” แจง! ทิศทางการขับเคลื่อนการค้าด้วยเทคโนโลยี พร้อมรับมือความท้าทายจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ เผย! ส่งออกไทยช่วง มี.ค.2568 โตมากสุด 17.8% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9

วันนี้ (7 พ.ค.2568)  ในการ ประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 4/2568 ซึ่งมี นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และในครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพ ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์, นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้รายงาน สถานการณ์การส่งออกของไทยในช่วงปี 2567-2568 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน เดือนมีนาคม 2568 ที่มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 29,548 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นระดับสูงสุดในประวัติการณ์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 17.8% และเป็นการขยายตัวต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9

สำหรับ ภาพรวมปี 2567 การส่งออกมีมูลค่า 300,529 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 5.4% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ใน ช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 (ม.ค. – มี.ค.) การส่งออกมีมูลค่า 81,532 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 15.2% ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีเกินดุลการค้า 1,081 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2,705 ล้านบาท นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ ยังได้เตรียมแนวทางรับมือกับความท้าทายของบริบทโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยให้ความสำคัญกับ การพัฒนาองค์กร เพื่อสามารถให้บริการประชาชนในรูปแบบดิจิทัลอย่างครบวงจร รวมทั้ง ภัยคุกคามจากนโยบายการค้าของประเทศมหาอำนาจที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

นายวุฒิไกร ระบุว่า ในด้านความท้าทายระหว่างประเทศ ได้เตรียมความพร้อมในการรับมือกับนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา โดยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงที่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มเข้ารับตำแหน่ง โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ทำการแต่งตั้ง คณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 โดยมี ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน เพื่อดำเนินงานเชิงรุกในการติดตามสถานการณ์ วิเคราะห์ผลกระทบ และจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในรูปแบบองค์รวม (Holistic Approach)

ซึ่งในช่วง เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้จัดคณะผู้แทนไทยเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อหารือกับทั้งภาครัฐและเอกชนของสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน รวมถึงรับฟังปัญหาและข้อกังวลของภาคเอกชน ตลอดจนชี้แจงจุดยืนของไทยอย่างเป็นทางการ และยังได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งมีการประชุมหารือกับ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 ฝ่าย (กกร.) เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะและวางท่าทีร่วมกันในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง และในการประชุมครั้งนี้ ได้ขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งพิจารณาแนวทางการแก้ไขอุปสรรคทางการค้าร่วมกัน รวมถึงส่งเสริมการนำเข้าสินค้าจำเป็นและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยขยายการลงทุนในสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาวต่อไป

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนากลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะ การนำระบบดิจิทัลมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน อาทิ การใช้ระบบสารบัญอิเล็กทรอนิกส์ในการรับ-ส่งเอกสารภายในและภายนอกหน่วยงาน ซึ่งส่งผลให้สามารถลดการใช้กระดาษได้กว่า 5,000 รีมต่อปี และลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการทำงานได้มากกว่า 26 ตันต่อปี ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนหน่วยงานสู่ระบบราชการสีเขียว (Green Government)

และยังมี แผนเปิดตัว “Super App” ซึ่งจะรวบรวมบริการของกระทรวงพาณิชย์ทั้งหมดไว้ในแอปพลิเคชันเดียว เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ช่วยลดขั้นตอนและเวลาในการติดต่อกับภาครัฐ ถือเป็นการยกระดับการให้บริการของภาครัฐไปอีกขั้น รวมถึง เปิดตัวแอปพลิเคชัน “MOC Go” ซึ่งจะเป็น เครื่องมือสำคัญ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยบูรณาการข้อมูลจากหลายหน่วยงาน เพื่อให้สามารถติดตามสถานะของผู้ประกอบการที่เข้ามาใช้บริการได้แบบเรียลไทม์

อีกทั้ง ยังสามารถเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อจับคู่ทางการค้าระหว่างผู้ประกอบการไทยกับตลาดต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ผ่านระบบ Generative AI ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ตอบคำถามเชิงกลยุทธ์ และช่วยในการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password