ฝ่ายค้านแนะปรับงบปี’68-69 แทนกู้เงิน 5 แสนลบ. ไม่เชื่อรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ ดันจีดีพีปี’68 แตะ 3%

ทีมเศรษฐกิจฝ่ายค้าน “ประชาชน” ไม่เชื่อน้ำยารัฐบาล กู้เงินมากระตุ้นเศรษฐกิจ ชี้! คราวก่อนแจกเงินหมื่นรอบแรก กระตุ้นะไรไม่ได้เลย แนะปรับปรุงการจัดสรรงบฯที่เหลือในปี พ่วงปรับใหม่งบปี 69 แทนกู้เงิน 5 แสนล้าน ชี้! คนไทยไม่เชื่อรัฐบาลอีกแล้ว แต่หากทำจริง ต้องแจกแผนใช้จ่ายเงินให้รอบด้าน
ต่อเนื่องจากกรณี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2568 ที่ผ่านมา ถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจและการรับมือผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจจากมาตรการกำแพงภาษีสหรัฐ จนกระทั่ง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประกาศลดประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2568 จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตราว 2.5 – 3.0% (ค่าเฉลี่ยกลาง 2.8%) เหลือเพียง 1.8% จนอาจทำให้ รัฐบาล ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จำเป็นจะต้องกู้เงินภายในประเทศ จากสถาบันการเงินของรัฐราว 5 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในภารกิจข้างต้น
ต่อกรณีดังกล่าว น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน และ สส.บัญชีรายชื่อ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่อาคารรัฐสภาในวันนี้ (24) ว่า รัฐบาลยังไม่ได้ระบุแหล่งที่มาของงบประมาณ 5 แสนล้านบาทว่าจะมาจากการกู้เงินหรือไม่? โดยมีความเห็นจากปลัดกระทรวงการคลังว่าอาจจะใช้เม็ดเงินจากงบประมาณปี 2568 ที่เตรียมไว้สำหรับการทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1.5 แสนล้านบาทมาใช้ในส่วนนี้ด้วย ทั้งนี้ หากต้องกู้ก็คงกู้ได้น้อยลง หรือในความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องกู้เงินเลย เพราะยังมีเม็ดเงินเหลือจากดิจิทัลวอเล็ตอีก 1.5 แสนล้านบาท และหากจัดสรรงบประมาณปี 2568 ใหม่ ก็อาจได้เงินเพิ่มอีกราว 50,000 – 100,000 ล้านบาท นี่ยังไม่นับรวมเงินก้อนใหญ่ที่สามารถจัดได้เลย จากงบประมาณปี 2569 ที่กำลังเข้าสู่สภาฯ รวมถึงการเตรียมเม็ดเงินสำหรับใช้ในการพยุงเศรษฐกิจในช่วงเศรษฐกิจทดถอย หรือชะลอตัวเนื่องจากสงครามทางการค้า
ส่วนตัวเชื่อว่า หากรัฐบาลดำเนินการจัดสรรงบประมาณกันใหม่ จะได้เงินไม่ต่ำกว่า 300,000 ล้านบาท โดยไม่จำเป็นต้องกู้เงินแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตนขอเรียกร้องให้ทางรัฐบาล นำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 กลับไปปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ หากต้องนำเข้าสภาฯ ซึ่งอาจจะช้าไปอีกเล็กน้อยสัก 1-2 สัปดาห์ เชื่อว่าทางสภาฯก็ไม่จะมีปัญหา หากต้องใช้เวลาลดลงในการพิจารณาชั้นกรรมาธิการ
แกนนำด้านนโยบายเศรษฐกิจพรรคประชาชน กล่าวอีกว่า เป็นเรื่องยากหากจะประเมินถึงผลที่จะได้จากการใช้เงิน 5 แสนล้านบาทในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากไม่มีการบอกรายละเอียดว่าจะใช้ทำอะไร ด้วยมีประสบการณ์มาแล้วว่า หากเลือกวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจผิด ผลจะไม่เกิด เช่น โครงการแจกเงินหมื่นครั้งแรกใช้เงิน 1.45 แสนล้านบาท ก็ไม่เห็นจีดีพีโตขึ้นอย่างที่รัฐบาลสัญญาไว้ ดังนั้น วิธีการที่จะใช้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากว่าจะนำเงินกู้ไปทำโดยวิธีการไหน ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ทั้งนี้ การที่รัฐบาลระบุว่าต้องการให้กระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้จีดีพอเติบโตตามเป้าที่ 3% ซึ่งเป็นไปได้ยาก จากที่ IMF ประมาณว่า 1.8% แล้วจะให้ขึ้นเป็น 3% ซึ่งต้องใช้เม็ดเงินมากกว่า 5 แสนล้านบาท แต่หากรัฐบาลคิดแค่จะประคองให้เศรษฐกิจในปีนี้โตเพียง 2% ส่วนตัวเชื่อว่างบประมาณ 5 แสนล้านบาท คงสามารถทำได้อย่างแน่นอน
ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลกู้เงินมาแจก แทนที่จะนำมาใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ คนส่วนใหญ่จึงไม่เห็นด้วยนั้น น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เชื่อไม่ได้ เพราะไม่สามารถเชื่อใจรัฐบาลได้เลยว่ากู้มาแล้วไม่นำมาแจกเหมือนเดิม ได้แต่ใช้พลังฝั่งของประชาชนและฝ่ายค้าน ช่วยกระตุ้นเตือนรัฐบาลว่า ก่อนที่จะคิดเรื่องการกู้เงินใหม่ หรือการขยายเพดานหนี้สาธารณะ ขอให้ประกาศแผนที่ชัดเจนก่อนว่า ขณะนี้รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องใช้เงินในเรื่องใด และจะใช้อะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเยียวยาใครบ้าง โดยวิธีการใด เรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจจะกระตุ้นอะไร การบริโภคหรือการลงทุน โดยวิธีการใด ทั้งนี้ ฝ่ายค้านพร้อมเชียร์หากรัฐบาลจะนำเงินดังกล่าวไปใช้เพื่อการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องทำแผนเสนอมาด้วยเช่นเดียวกัน ถ้าจะต้องใช้เงินจริงๆ รัฐบาลมีแผนการในใจอย่างไรว่าจะปฏิรูปเศรษฐกิจทิศทางไหน ต้องทำแบบนี้เท่านั้น ถึงจะไว้วางใจให้รัฐบาลกู้เงินเพิ่ม หรือขยายเพดานที่สาธารณะได้.