แฉ! กระบวนการฉ้อฉล ‘จัดฉากฆ่าฯ’ เคลมเงินประกัน ก็อปปี้ ‘ระบบประกันภัย-ตำรวจ’ ย้อนศรลวงเงิน 14 ล.

คปภ.ประสานสมาคมวินาศภัยฯ รุกเอาผิดกลุ่มคนร่วมกระบวนการ “จัดฉากฆาตรกรรมฯ” หลอกเคลมเงินประกัน 14 ล้านบาทเศษ จาก 15 บริษัทประกันภัย แนะฟ้องเอาผิดฉ้อฉล ด้าน “นายกฯ สมพร สืบถวิลกุล” ชี้ “คนฉ้อฉล” ศึกษาการทำงานของระบบประกันภัยและระบบตำรวจ หวังซ้อนกลหลอกเอาเงินจากบริษัทประกันฯ วอนสำนักงาน คปภ. ปรับลดเงื่อนไข “กรอบเวลาจ่ายเคลม” เชื่อต้นทุนที่ลดลง ทำเบี้ยประกันภัยลดลงด้วย

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขา คปภ.) และ ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ร่วมแถลงข่าวแนวทางการกำกับดูแลกรณี “การจัดฉากฉ้อฉลฆาตรกรรมเอาเงินประกันภัย มูลค่าร่วมกว่า 14 ล้านบาท” ณ สถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง ชั้น 2 สำนักงาน คปภ. เมื่อช่วงสายวันที่ 14 มีนาคม 2568
นายชูฉัตร กล่าวว่า ที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ.ได้ประสานงานกับสมาคมประกันวินาศภัยไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงมี การลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) กับอีกหลายๆ หน่วยงาน เพื่อร่วมกันตรวจสอบการกระทำในลักษณะกลฉ้อฉลด้านประกันภัย ส่วนกรณีข้างต้น ได้มีการประสานงานและนำระบบ AI มาช่วยในการตรวจสอบเพื่อสืบหาข้อเท็จจริง กระทั่ง พบพฤติการณ์ที่ผิดปกติ ตั้งแต่การซื้อกรมธรรม์ประกันภัยในหลายๆ ฉบับจากบริษัทประกันวินาศภัยมากถึง 15 บริษัท เบื้องต้น ได้เสนอแนะให้บริษัทประกันวินาศภัยเหล่านั้น ดำเนินการฟ้องร้องเพื่อเอาผิดในข้อหา “ฉ้อฉลประกันภัย” ไปแล้ว เนื่องจากเป็นการกระทำที่จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อต่อระบบประกันภัย

ด้าน ดร.สมพร กล่าวว่า กรณีนี้พบว่าเจ้าของรถได้ทำการซื้อกรมธรรม์ประกันภัยที่มากผิดปกติถึง 28 กรมธรรม์ รถบางคันมีกรมธรรม์คันเดียว 16 กรมธรรม์ ขณะที่อีก 2 คัน ซึ่งร่วมในเคสท์นี้ มีกรมธรรม์คันละ 6 กรมธรรม์ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่เงื่อนไขของสำนักงาน คปภ. ซึ่งกำหนดให้บริษัทประกันภัยต้องจ่ายเงินค่าสินไหมฯภายใน 15 วัน ทำให้กลุ่มคนซึ่งเชื่อว่ามีพฤติกรรมที่ทำกันเป็นกระบวนการ โดยศึกษาระบบการทำงานประกันภัยและการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงล่วงรู้วิธีการฉ้อฉลด้านประกันอย่างลึกซึ้ง ทั้งนี้ หากสำนักงาน คปภ.จะพิจารณาในประเด็นเหล่านี้ เพื่อป้องกันการฉ้อฉลในอนาคตได้ก็จะเป็นเรื่องดี อย่างไรก็ตาม การพิจารณาเงื่อนไขดังกล่าว จะต้องไม่ละเมิดสิทธิ์หรือลดทอนผลประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยด้วย
“ต้นทุนที่สูงสุดของระบบการประกันวินาศภัยคือเงินที่จ่ายเป็นค่าสินไหมฯ โดยหากมีกระบวนการป้องกันการจ่ายค่าสินไหมฯที่ไม่ชอบมาพากลจากกลฉ้อฉลด้านประกันภัยแล้ว จะทำให้ต้นทุนดำเนินการของบริษัทประกันวินาศภัยลดลง และมีแนวโน้มที่การจ่ายเบี้ยประกันภัยจะลดลงตามมาด้วย”

นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ยังกล่าวอีกว่า คดีข้างต้นไม่ใช่เคสท์ที่สร้างความเสียหายต่อระบบประกันวินาศภัยมากที่สุด ก่อนหน้านี้ก็เคยมีกรณีไฟไหม้โรงงานบางแห่งที่มีการขอเคลมเงินประกันฯมากถึง 700 ล้านบาท เพียงแต่การพิจารณาเงินค่าสินไหมฯก็มีกระบวนการตรวจสอบที่ค่อนข้างรัดกุม และนำไปสู่การค้นพบข้อเท็จจริงบางประการ กระทั่ง ผู้เอาประกันฯรายดังกล่าว จำต้องยื่นถอนเรื่องออกไป โดยไม่มีการจ่ายเงินเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม กรณีการจัดฉากฉ้อฉลฆาตรกรรมเอาเงินประกันภัยฯ ไม่ได้มีแค่เรื่องการฉ้อฉลด้านประกันภัย แต่ยังมีเรื่องของการฆาตรกรรมอำพรางเข้ามาเกี่ยวข้อง เชื่อว่าการดำเนินการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะทำให้ความจริงกระจ่างชัด โดยที่สมาคมประกันวินาศภัยไทยและบริษัทประกันวินาศภัยเหล่านั้น ไม่ต้องดำเนินคดีให้สุดซอยแต่อย่างใด.

