กรมสอบสวนคดีพิเศษลงพื้นที่ภาคอีสานสอบปากคำผู้เสียหายคดีพิเศษที่ 14/2566 กรณี ถูกหลอกลวงให้ลงทุนปล่อยเงินให้กู้ยืมผ่านแอปพลิเคชัน Third Credit เผย! เบื้องต้นพบความเสียหาย 113 ล้านบาท

พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ตามที่ได้มอบหมายให้ น.ส.ปริมณ์ สาริยา ผู้อำนวยการส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 2 ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน และ ร.ต.อ.หญิง อัศนีย์ รอดน้อย หัวหน้าชุดปฏิบัติการ คดีพิเศษที่ 14/2566 กรณี ถูกหลอกลวงให้ลงทุนปล่อยเงินให้กู้ยืมผ่านแอปพลิเคชัน Third Credit พร้อม คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายจังหวัด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพยานผู้ได้รับความเสียหาย ในการให้ถ้อยคำเป็นพยานในคดีพิเศษดังกล่าว ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดอุดรธานี จังหวัดขอนแก่น และพื้นที่ใกล้เคียง นั้น

ขณะนี้เป็นสัปดาห์ที่สอง ซึ่งนอกจากการสอบสวนปากคำพยานแล้ว ยังมีการตรวจสอบที่ตั้งสำนักงานสาขาซึ่งใช้เป็นสถานที่บรรยายชักชวนหลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินมาร่วมลงทุนในโซนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้รวบรวมข้อเท็จจริงทั้งจากพยานบุคคล พยานเอกสาร เพื่อยืนยันพฤติการณ์การกระทำความผิดของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตาม พรก. การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ คดีนี้เป็นกรณีการหลอกลวงประชาชนทั่วไปให้ลงทุนปล่อยเงินให้กู้ยืมผ่านแอปพลิเคชัน Third Credit โดยอ้างว่าจะมีการนำเงินไปปล่อยกู้ให้กับบริษัททั่วโลกที่ต้องการเงินลงทุน มีหน่วยลงทุนเป็นสกุลเงินดอลล่าห์สหรัฐอเมริกา มีรูปแบบการลงทุนหลายรูปแบบ ทั้งรับผลตอบแทนรายวัน และตามห้วงเวลาที่ลงทุน เช่น  30 วัน 60 วัน หรือ 180 วัน และเสนอผลตอบแทนการลงทุนสูงโดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการประกอบธุรกิจจริงตามกฎหมาย

“เบื้องต้นพบความเสียหายประมาณ 113 ล้านบาท เรื่องนี้ถือเป็นคดีสำคัญ และเป็นข้อสั่งการของ พ.ต.ต. แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ดำเนินคดีพิเศษเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ให้เกิดประสิทธิภาพ เพื่ออำนวยความยุติธรรมแก่ประขาชน ซึ่งหลังจากนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะรวบรวมพยานหลักฐานและพิจารณาออกหมายเรียกหรือหมายจับผู้ต้องหาต่อไป” พ.ต.ต. วรณัน ย้ำ.