กกร. ยกทีมถก ‘นายกฯ’ ปมผลกระทบ ‘ทรัมป์ 2.0’ – เผย! ‘อิ๊ง’ ยังเกี่ยงนั่ง หน.ชุด หารือสหรัฐฯ

“เกรียงไกร เธียรนุกุล” นำทีม กกร. ถก “นายกฯแพทองธาร” หาทางรับมือผลกระทบจากนโยบาย “ทรัมป์ 2.0” ยืนยันภาคเอกชนร่วมภาครัฐ ตั้ง “ทีมไทยแลนด์” สู้ศึกเศรษฐกิจ/การค้าโลก ย้ำ! ทุกฝ่ายต้องเดินในทางทางเดียวกัน ส่วนปม “นายกรัฐมนตรี” นั่งแท่นหัวหน้าทีมเจรจากับสหรัฐฯ ยังไม่ได้ข้อสรุป

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมทีม ครม.เศรษฐกิจบางส่วน และทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก เปิดทำเนียบรัฐบาล ต้อนรับและร่วมหารือกับ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ภายใต้การนำของ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะ ประธาน กกร. เพื่อนำเสนอความเห็นของภาคเอกชน ไปยังรัฐบาล หลังจากภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจไทย ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าโลก

ก่อนที่ นายกรัฐมนตรี จะย้ำว่า รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์เกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯตั้งแต่ปลายปี 2567 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐฯ เมื่อต้นปีนี้  ประกอบไปด้วยปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงต่างประเทศ และอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสงครามการค้าของสหรัฐฯโดยเฉพาะ ทั้งนี้ ได้มีการเกาะติดสถานการณ์ปัจจุบันมาโดยตลอด ตั้งแต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่ง ว่ามีการเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างไร และจะส่งผลกระทบต่อไทยอย่างไรบ้าง เพียงแต่ไม่ได้ลงในรายละเอียด หากต้องเจรจากับสหรัฐฯจะมีแผนเจรจาอย่างไร  

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีจะนั่งเป็นหัวหน้าทีมในการเจรจากับสหรัฐฯหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า ตรงนี้ ต้องรอหารือกับภาคเอกชนก่อน แต่อยากให้เป็นทีมที่เคลื่อนไหวได้ง่ายและสามารถเจรจาได้อย่างรวดเร็ว

ด้าน นายเกรียงไกร (ประธาน กกร.) ให้สัมภาษณ์ว่า กกร. ได้นำความคิดเห็นของภาคเอกชนมานำเรียนต่อนายกรัฐมนตรี หลังจากที่ผ่านมา นโยบายการค้าของสหรัฐฯได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย และช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ที่ส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจของไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านการค้า การลงทุน และอัตราแลกเปลี่ยน (ค่าเงิน) ซึ่งภาคเอกชนตระหนักถึงความท้าทายจากปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ กกร.มุ่งมั่นที่จะทำงานกับภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจไทย เพื่อให้ไทยสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกได้

ขณะที่ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการหารือเพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ “ทรัมป์ 2.0” เพื่อที่รัฐบาลและภาคเอกชนจะได้ทำงานร่วมกัน และไปในทิศทางเดียวกัน เหมือนกับประเทศอื่นๆ ถือว่าเป็นการทำงานเพื่อประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน สำหรับระยะเวลาการทำงานที่อาจจะมีข้อจำกัด เพราะใกล้จะถึงระยะเวลาที่สหรัฐฯจะประกาศรายชื่อประเทศที่ถูกมาตรการทางภาษีเพิ่มเติมในวันที่ 2 เม.ย.นี้

“เรื่องนี้หลายประเทศก็จะเผชิญสถานการณ์เดียวกัน เพราะนโยบายของทรัมป์นั้น เอาแน่นอนไม่ได้ ดังนั้นประเทศไทยต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด ตอนนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนก็มีข้อมูลต่างๆ เมื่อมารวมกันและทำงานกันแบบ “ทีมไทยแลนด์” โดยหากพูดไปแนวทางเดียวกันการเจรจาก็จะไม่เสียเปรียบมากเกินไป” นายสนั่น กล่าว และว่า…

ส่วนข้อเสนอของเอกชนที่เสนอให้ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในการเจรจากับทรัมป์ เองนั้น ตอนนี้ภาคเอกชนนั้นเห็นความตั้งใจที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านได้มาเป็นประธานในการคุยกับเอกชนแล้ว ส่วนในขั้นตอนการเจรจานั้นนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานหัวหน้าคณะเจรจาเองหรือไม่ ตอนนี้คงยังไม่สามารถจะพูดแบบนั้นได้ แต่ขณะนี้นายกรัฐมนตรีทราบดีเกี่ยวกับเหตุการณ์แล้ว และจะต้องมีการทำงานในเรื่องนี้อย่างคล่องตัวต่อไป

ทั้งนี้ ภาคเอกชนมีความพอใจในการทำงานของรัฐบาลในเรื่องการเตรียมรับมือนโยบายทรัมป์ เห็นว่า รัฐบาลทำงานอย่างหนัก โดยภาครัฐและเอกชนต้องคุยกันในเรื่องนี้เพราะเราต้องมาดูว่าในการเจรจาจะมีอะไรที่แลกเปลี่ยนและไม่ทำให้เราเสียเปรียบมากเกินไป และมีความเป็นมิตรซึ่งกันและกันระหว่างไทยและสหรัฐฯ.

Login

Welcome! Login in to your account

Remember me Lost your password?

Lost Password