ไทยปิดดีล ‘เอฟทีเอ ไทย-ภูฏาน’ เตรียมลงนามต้น เม.ย.นี้ – ชี้! สร้างแต้มต่อส่งออก-ขยายโอกาสการค้าไทย

“พิชัย นริพทะพันธุ์” แจงความสำเร็จ FTA ไทย-ภูฏาน เผย! ใช้เวลาเพียง 9 เดือน หนุน 2 ฝ่ายลงนามในช่วงการประชุม “ผู้นำบิมสเทค” ในไทย 2-4 เม.ย.นี้ ชี้! สร้างแต้มต่อส่งออก-ขยายโอกาสการค้าไทย ส่วนการค้าระหว่างกัน มูลค่ารวม 460.47 ล้านบาท โดยไทยส่งออก 457 ล้านบาท นำเข้าแค่ 3.47 ล้านบาท

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลสำเร็จการเจรจาจัดทำ ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ภูฏาน ครั้งที่ 4 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเมื่อวันที่ 17-19 กุมภาพันธ์ ที่กรุงเทพฯ ว่า ไทยและภูฏานสรุปผลการเจรจาได้รวดเร็ว ในเวลาเพียง 9 เดือน โดย FTA ไทย-ภูฏาน จะเป็น FTA ฉบับที่ 17 ของไทย สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการเร่งดำเนินการเจรจาจัดทำ FTA กับประเทศคู่ค้าต่างๆ เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและการส่งออกสินค้าของไทย ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเตรียมจะลงนาม FTA ไทย-ภูฏาน ในช่วงการประชุมผู้นำบิมสเทค ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 2-4 เมษายน 2568

สำหรับ ความตกลง FTA ไทย-ภูฏาน ครอบคลุมประเด็นการค้าสินค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งไทยและภูฏานตกลงให้มีการเปิดตลาดระหว่างกันในระดับสูงครอบคลุมมูลค่าระหว่างกันเกือบทั้งหมด โดยสินค้าที่ภูฏานสนใจจะนำเข้าจากไทย อาทิ ยานยนต์และชิ้นส่วน สินค้าเกษตรและอาหาร (ผลไม้อบแห้ง น้ำผลไม้ เส้นหมี่กึ่งสำเร็จรูป และอาหารปรุงแต่ง) สิ่งทอ เครื่องแต่งกาย เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก เครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ FTA ไทย-ภูฏาน ยังเป็นกลไกช่วยส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจและมีศักยภาพร่วมกัน อาทิ การท่องเที่ยว เกษตร การศึกษาและฝึกอบรมด้านเทคนิคและอาชีวศึกษา และพลังงานหมุนเวียน

ทั้งนี้ ไทยและภูฏานมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นในทุกระดับ โดยภูฏานสามารถเป็นตลาดส่งออกสินค้าให้กับไทยได้ในระยะยาวได้ แม้จะเป็นประเทศขนาดเล็ก แต่เศรษฐกิจของภูฏานยังเติบโตได้อีกมาก ประกอบกับชาวภูฏานชื่นชอบและเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าไทย และต้องการนำเข้าสินค้าจากไทย โดยมองว่า FTA ไทย-ภูฏาน จะช่วยให้ชาวภูฏานเข้าถึงสินค้าของไทยได้สะดวกยิ่งขึ้น ดังนั้น ต่อจากนี้ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจะจัดประชุม รับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนในเดือนมีนาคม ก่อนจะนำเสนอผลการเจรจาฯ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ เพื่อเตรียมพร้อมการลงนาม FTA ดังกล่าวในช่วงการประชุมผู้นำบิมสเทคในเดือนเมษายน
อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 การค้าระหว่างไทยและภูฏานมีมูลค่า 460.47 ล้านบาท โดยไทยส่งออกไปภูฏาน 457 ล้านบาท และนำเข้าจากภูฏาน 3.47 ล้านบาทสินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ ยานพาหนะและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูป เตาอบไมโครเวฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน เครื่องดื่ม และผลไม้กระป๋องและแปรรูป และ สินค้านำเข้าสำคัญของไทย อาทิ ผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผักและผลไม้ เครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ไม้ซุง ไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์ และเครื่องดื่มประเภทน้ำแร่ น้ำอัดลมและสุรา เป็นต้น.
